BACK TO EXPLORE

งานแสงแห่งพระบารมี

เชิญประชาชนชาวไทยร่วม “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมชมพระบรมสาทิสลักษณ์ผลงานสุดวิจิตรจากนักศึกษาจิตอาสา

โครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย และ สยามพิวรรธน์ จัดงาน “แสงแห่งพระบารมี”
เชิญประชาชนชาวไทยร่วม “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมชมพระบรมสาทิสลักษณ์ผลงานสุดวิจิตรจากนักศึกษาจิตอาสา 24 พ.ย. – 8 ม.ค. 2560

เพื่อแสดงความจงรักภักดี และร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ และบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมจัดงาน “แสงแห่งพระบารมี” เชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมเขียนคำปณิธาน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” เพื่อนำไปประดับต้นไม้แห่งคำปณิธานขนาดยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตร ตกแต่งกิ่งก้านด้วยแสงไฟงดงามสว่างไสว เปรียบเสมือนแสงแห่งพระบารมีอันยิ่งใหญ่แผ่ไพศาลพร้อมชมพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดกว้าง 2.4 เมตร ยาว 2.4 เมตร รวมความยาวกว่า 33 เมตร ผลงานสุดวิจิตรสร้างสรรค์โดยนักศึกษาจิตอาสาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง และสถาบันบัณทิตพัฒนศิลป์ พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินจิตอาสา ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2560 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สำหรับพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจากหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และ ประธานโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทยเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยร้อยโท ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รองประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ, พาสินี ลิ่มอติบูลย์, เกตุวลี นภาศัพท์กรรมการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, ชฎาทิพ จูตระกูลประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จํากัด, คณะผู้บริหาร โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ, คณะผู้บริหารจากกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัดตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ และเหล่าศิลปินนักแสดงมาร่วมงานโดยมีการบรรเลงเพลงจากวง Jazz Combo ในเพลงสรรเสริญพระบารมี, เพลงแผ่นดินของเรา และเพลงในหลวงของแผ่นดิน นอกจากนี้คณะประสานเสียงจิตรลดาทั้งศิษย์เก่า และปัจจุบันของโรงเรียนจิตรลดา ร่วมขับร้อง 2 บทเพลงพิเศษ ได้แก่เพลงความฝันอันสูงสุดซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงประพันธ์ทำนอง และท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาคแต่งเนื้อร้องและเพลง ๙ เดินต่อไปแต่งเนื้อร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ทำนองโดย พงศ์พูน พิบูลย์เกษตรกิจ และเรียบเรียงโดยอภิสิทธิ์ วงศ์โชติ จากนั้นประธานในพิธีร่วมกันเปิดไฟต้นไม้แห่งคำปณิธาณ และแขกผู้มีเกียรติร่วมเขียนคำปณิธาน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมร่วมชมบรรยากาศในงาน

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และ ประธานโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทยกล่าวว่า “เราคนไทยทุกคนต่างตระหนักว่าเรามีหน้าที่ ที่ต้องรักษาชาติบ้านเมืองอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อยืนหยัดและก้าวต่อไป ด้วยสำนึกว่าเราโชคดีมีบุญวาสนาที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอนันต์ พระผู้ที่ไม่มีวันใดที่จะทรงละทิ้งประชาชนของพระองค์ ไม่มีพื้นที่แห่งใดเลยในประเทศไทย ที่พระองค์ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปถึง ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำและมุ่งมั่นเพื่อหาทางขจัดทุกข์สร้างสุขให้กับประชาชนและเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติได้ร่วมกับ บริษัทสยามพิวรรธน์ ทำการเก็บรวบรวมเรื่องราวความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้เกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ตลอดจนคำสอนของพระองค์มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ" หรือปณิธานความดีที่ตั้งใจไว้ว่าจะดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาไว้ในคลังสมบัติดิจิทัลของ โครงการ "ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ ในลำดับต่อไป”

ทั้งนี้ โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ ได้เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2559 เป็นโครงการที่เกิดจากความคิดริเริ่มของ มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมกับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด พร้อมผนึกความร่วมมือสานพลังประชารัฐ จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันเก็บรวบรวมและบันทึกเรื่องราวอันล้ำค่าและดีงามที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยไว้ในคลังสมบัติดิจิทัล ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการจารึก เพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่คู่คนไทย และประกาศเรื่องราวดีงามบนผืนแผ่นดินไทยให้เป็นที่จดจำไปทั่วโลก

ร้อยโท ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รองประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ  กล่าวว่า “การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งในเจตนารมย์หลักที่มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชอัธยาศัย และพระราชจริยวัตรอันงดงาม เปี่ยมด้วยพระเมตตา มั่นคงในทศพิธราชธรรมตลอดระยะเวลาแห่งการครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงงานหนัก เพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่งดงามได้เป็นที่ประจักษ์  แม้แต่ในระดับสากล ชาวโลกจากทุกประเทศทั่วโลกก็ได้รับรู้และแซ่ซ้องสรรเสริญ พระองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งความพอเพียง ที่เป็นแบบอย่างให้ประชาชนคอยปฏิบัติตาม และเป็นต้นแบบให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตในสังคม พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ และพระองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งคุณธรรมอย่างแท้จริง มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ มุ่งหวังที่จะสืบสานน้อมนำแนวพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส องค์ความรู้จากโครงการพระราชดำริ รวมทั้งพระอัจฉริยะภาพในทุกด้านของพระองค์มาต่อฐานเติมยอด เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนได้เรียนรู้แบบอย่างที่ สู่การพัฒนาตนเอง สังคมและประเทศชาติ ให้ก้าวไปสู่สากลด้วยความภาคภูมิใจ”

นางชฎาทิพ จูตระกูล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จํากัดกล่าวว่า “นับจากวันที่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปฏิบัติและยึดมั่นเป็นหลักจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจเสมอมา คณะกรรมการ ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกคน ต่างมีความภาคภูมิใจเป็นล้นพ้นที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร และมีปณิธานที่จะดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน แม้ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระองค์ได้มอบสิ่งล้ำค่าให้แก่ผสกนิกรชาวไทยทุกคนที่ต้องเก็บรักษาไว้ นั่นก็คือพระราชปณิธาน พระบรมราโชวาท ตลอดจนพระราชกรณียกิจต่างๆที่ได้ทรงเสียสละและอุทิศพระชนม์ชีพเพื่อความเจริญรุ่งเรืองมั่นคงของประเทศชาติ และ ความผาสุกของประชาชนชาวไทยเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระมหากรุณาธิคุณต่อพระองค์ท่าน เราจึงจัดงาน แสงแห่งพระบารมี ด้วยการเชิญชวน

คนไทยให้มาเขียนข้อความบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” โดยน้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเขียนเป็นคำปณิธานความดีที่ตั้งใจจะปฏิบัติ และยึดมั่นเป็นหลักจริยธรรมในการดำเนินชีวิตต่อไป ซึ่งแผ่นป้ายทั้งหมดจะนำมาประดับไว้บนต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางพาร์ค พารากอน จึงขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมกันเขียนข้อความบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” ให้เป็นเสมือนคำมั่นสัญญาที่เราคนไทยจะทำสิ่งที่ดีงามอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่น ชุมชน สังคมและประเทศชาติ  ช่วยกันเสริมสร้างประเทศไทยให้มีความรักและความสามัคคี  ร่วมกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความเจริญที่มั่นคงอย่างยั่งยืนสืบต่อไป”

สำหรับการจัดแสดง พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีการนำพระปรีชาสามารถด้านต่างๆ มาเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้ กษัตริย์นักการช่าง โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร, กษัตริย์การเกษตร โดยสถาบันบัณทิตพัฒนศิลป์, กษัตริย์ศิลปิน โดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และกษัตริย์นักดนตรี โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่างซึ่งทางมหาวิทยาลัยและนักศึกษาจิตอาสาต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมซึมซัมถึงพระจริยวัตรอันงดงาม ซึ่งสะท้อนถึงน้ำพระราชหฤทัยความห่วงใยที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยในทุกด้านตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ 70 ปี

ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ในงาน “แสงแห่งพระบารมี” ร่วมเขียนคำปณิธานบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมชมผลงานพระบรมสาทิสลักษณ์ความยาวกว่า 33 เมตร และกิจกรรมอื่นๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 24  พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2560 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม