BRAND

ดีไซน์เนอร์ : Kyoungho Choi and Hyunheui Song

     สำหรับโชว์ของ Absolute Siam ร้านมัลติแบรนด์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ได้รวบรวมสินค้าจากดีไซน์เนอร์แบรนด์ชื่อดัง และดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่หลากหลายสิบแบรนด์ไว้ในที่เดียว โดยโชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เป็นการแท็กทีมกันระหว่างแบรนด์สัญชาติเกาหลี HOLY NUMBER 7 และหนุ่มๆ จาก 789 Survival บอยกรุ๊ปน้องใหม่มาแรงที่จะมาร่วมสร้างสรรค์ในโชว์สุดพิเศษบนเวที BIFW2023 โดยไอเดียหลักที่ Boy Group จากโปรเจ็กต์ 789 Survival ได้เตรียมความพิเศษมาในโชว์นี้คือการ “Break The Limit” ของชาวแก๊งที่ร่วม Survival มาด้วยกันทั้ง 24 ชีวิต และเป็นครั้งแรกสำหรับเวทีแฟชั่นโชว์ที่เหล่าหนุ่มๆ ได้ร่วมกันแชร์ไอเดียในด้านแฟชั่นกันอย่างเต็มความสามารถ เหล่าแฟนคลับเตรียมพบกับความพิเศษในโชว์ครั้งนี้อย่างแน่นอน

ผู้ก่อตั้วงและดีไซน์เนอร์ : สมชัย ส่งวัฒนา

    “SOLAR ECLIPSE จันทร์กอดอาทิตย์ ด้วยวิญญาณที่เข้มแข็งและอ่อนโยน ทั้งสองได้หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว โอบกอดด้วยปัญญาแห่งรัก” คือคอลเล็กชั่นล่าสุดจาก FLYNOW แบรนด์ไทยระดับตำนานที่ยืนระยะคู่วงการแฟชั่นไทยมาเกือบ 4 ทศวรรษ และได้สร้างชื่อเสียงทั้งในเวทีระดับโลก รวมไปถึงงาน BIFW2022 ที่ผ่านมา FLYNOW ได้ปิดฉากด้วยโชว์ฟินาเล่สุดหรูหราอลังการจนแทบหยุดทุกลมหายใจของผู้ชมทั้งฮอลล์ ในปีนี้ FLYNOW จะกลับมาพร้อมกับโชว์อันยิ่งใหญ่ที่คาดเดาไม่ได้อีกครั้ง สำหรับคอลเล็กชันนี้ แบรนด์เลือกใช้สีดำ ทอง ขาว น้ำตาล และเบจ เป็นหลัก โดยคอนเซ็ปต์หลักมาจากคำว่า Deconstruction, Sadism, Surreal, Futuristic และ Sexappeal ที่สะท้อนถึงความห้าวหาญ รวมไปถึงการดึงกิมมิคของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในโชว์ครั้งนี้ อีกทั้งยังคงตระหนักถึงปัญหา Fast Fashion ที่สร้างขยะและมลภาวะอย่างมาก ทางแบรนด์จึงมุ่งมั่นและยังคงอนุรักษ์การทำเสื้อผ้าแบบคลาสสิก ให้ทุกๆ ชิ้นยังคงเป็นมาสเตอร์พีซตลอดไป

ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ : ชนะชัย จรียะธนา

     “THE DAY YESTER TOMORROW เมื่อความทรงจํามีค่ากับการอยู่บนโลกในปัจจุบันด้วยการมองไปสู่อนาคต” โชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จึงเป็นการสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นความทรงจำล้ำค่าในอดีตผ่านโลกปัจจุบัน ที่มองไกลไปถึงอนาคต โดยในคอลเลกชันนี้ยังตีความ สร้างสรรค์ และเล่าเรื่องใหม่ของศิลปะ แฟชั่น สิ่งของที่เคยล้ำค่าในอดีตมาเป็นองค์ประกอบหลัก ผ่านเทคนิคสไตล์ลิ่ง และการนำเสนอรูปแบบใหม่ของ ชนะชัย – ดีไซเนอร์ที่มีประสบการณ์ด้านการสร้างสรรค์และออกแบบเสื้อผ้าให้กับศิลปินในวงการบันเทิงต่างๆ มานานกว่า 34 ปี เพื่อสร้างคุณค่าให้คงอยู่และไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา ดังคำกล่าวของชนะชัยที่พูดถึง The Future of Fashion ในมุมมองของเขาไว้ว่า “คืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ เพราะการมีกฎเกณฑ์คือการปิดกั้นมุมมองและความเป็นไปได้ของอนาคต”

Creative Director : บดินทร์ อภิมาน

     สิ่งที่น่าสนใจสำหรับโชว์ปีนี้คือการหยิบคำว่า “Black Market ” มาตีความใหม่ บอกเล่าเรื่องราวสุดดาร์กและตลกร้ายผ่านคอลเลกชัน โดยครั้งนี้ทาง Greyhound Original ได้นำสี Dark Black กลับมาใช้เป็นสีหลักของคอลเลกชัน การนำเสนอเสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ ดีไซน์ใหม่ๆ ที่มีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อลายปริ้นท์ กราฟฟิกสุดเท่อย่าง “Good artists copy, Great artists steal” แคปชั่นแสบๆเชิงเสียดสีล้อเลียน (Parody) ที่นำมาใส่ในเสื้อผ้า รวมถึงไอเท็ม accessories ใหม่ๆที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของผู้สวมใส่เอง ที่สำคัญทางแบรนด์เองยังตะหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยมีการนำผ้ารีไซเคิลมาใช้เพื่อลดการใช้สารเคมีในการกระบวนการผลิตเสื้อผ้าอีกด้วย ภายในโชว์ปีนี้จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ ตัดสลับกับความนิ่ง เท่ ผู้ชมจะได้รับความรู้สึกที่หลายหลายเหมือนเวลาอยู่ดูงานศิลปะในแกลลอรี่ ผสมผสานความเป็น Sense of Humor ที่หยอดเข้ามาให้โชว์ให้มีสีสันมากขึ้น พร้อมกับนางแบบ นายแบบที่มีความหลายหลาย (Diversity) ไม่จำกัดเพศ อายุ หรือ อิง Beauty Standard แบบเก่าๆ อีกต่อไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นไทยดีไซนเนอร์แบรนด์ที่น่าจับตามองในทุกๆปี

ผู้ก่อตั้งและดีไซน์เนอร์ : ภูภวิศ กฤตพลนารา

     “PHASSA (ผัสสะ)” สัมผัสต่างๆ ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ คือแรงบันดาลใจในคอลเล็กชันล่าสุดที่ ISSUE ได้เล่าเรื่องราวผ่านความหลงใหลและการเดินทาง โดยไฮไลต์เด่นคือการนำ AI มาร่วมสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงาน ที่สื่อถึงการเดินทางอันไร้ขอบเขต โลกจินตนาการ รวมไปถึงการตีความเรื่องรูปร่าง สี ลวดลายผ่านทางอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลายลูกตา หู ปาก ผ่านเทคนิคต่างๆ ที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ลายพิมพ์ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์สุดจัดจ้านในเรื่องลายผ้าและเรื่องดีไซน์ในทุกคอลเล็กชันของ ISSUE นั้นก็ได้กลายมาเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ที่คอแฟชั่นตั้งตารอคอยในทุกโชว์ เมื่อโลกปรับ แบรนด์ก็ต้องเปลี่ยน ISSUE เองก็ยังตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และได้นำมาปรับใช้ในคอลเล็กชันพิเศษในครั้งนี้ โดยเลือกใช้วัสดุเหลือใช้ และเศษไหมที่คงเหลือในอุตสาหกรรม มาทำเป็นงานปักของ ISSUE Thailand นอกจากนี้ยังมีการเลือกหยิบวัสดุบางส่วนที่เจ้าของแบรนด์สะสมไว้ ไม่ว่าจะเป็นผ้างานโบราณ งานฝีมือ งานปัก งานถัก งานทอ นำมาประยุกต์ใช้ในคอลเล็กชันพิเศษนี้ด้วยเช่นกัน

ผู้ก่อตั้งและดีไซน์เนอร์ : มลลิกา เรืองกฤตยา , ณัฏฐ์ มั่งคั่ง

     “Never give up” จากความทะเยอทะยานของนโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoléon Bonaparte) หรือจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝรั่งเศสในยุคการปฏิวัติอันโด่งดัง ต่อยอดสู่แรงบันดาลใจของ KLOSET ในคอลเลกชัน Autumn Winter 2023 ที่หยิบยกเอาเครื่องแต่งกายในยุคศตวรรษที่18 มาตัดทอนให้ยังคงมีกลิ่นอายชุดทหารในยุคนั้น ถ่ายทอดถึงผู้หญิงที่กล้าแสดงออก ผ่านโครงสร้างชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอปกเสื้อแบบตั้ง การตีเกล็ดเสื้อ ขอบแขนดับเบิ้ล และชุดนักเรียนประจำ รวมถึงการเลือกใช้สีหลักอย่างสีชมพู สีเขียว สีเบจ และสีกรม แสดงถึงความเป็นเฟมินีน แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ที่น่าสนใจมากๆ คือการนำเอา “ดอกมูเกร์” ดอกไม้ที่แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความสันติสุขมาทำเป็นผ้าพิมลาย วางสลับกับโบว์ขนาดใหญ่ซึ่งมีการอ้างอิงมาจากลาย wallpaper ในพระราชวังแวร์ซาย นอกจากนี้ยังใส่ลูกเล่นอย่างอักษรย่อ “ks” ซึ่งเป็นตัวย่อของชื่อแบรนด์นำมาปักลงบนผ้าคอตตอน ผ้ากำมะหยี่ และผ้าขนกระต่ายเทียม ซึ่งจัดเป็นไอเท็มพิเศษในสไตล์สาว Kloset ในซีซั่นนี้

ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ : ณัฐพล กนกวลีวงศ์

     “Wonderland การเดินทางในความฝันผ่านจินตนาการที่เราอยากจะหลุดพ้นจากชีวิตประจำวัน” คือไอเดียสำหรับโชว์ในคอลเล็กชัน Autumn Winter 2023 นี้ ตีความถึงดินแดนมหัศจรรย์โดยการเล่นสีสันที่คอนทราสต์กันแบบขั้นสุดเหมือนภาพในความฝัน มีความฟุ้ง ความเบลอ ความลูกเล่นของการไล่สีสันงานพิมพ์ ผสมเข้ากับเทคนิคดีคอนสตรัคชั่น ดูเหนือจริง และยังสร้างความประหลาดใจชวนสงสัยให้กับผู้พบเห็นอยู่ไม่น้อย แม้คอลเล็กชันนี้จะดูเป็นเรื่องราวสุดแฟนตาซีในดินแดนวันเดอร์แลนด์ แต่ในแง่มุมของความเฟรนด์ลี่ต่อโลก ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแพลนการทำงานของดีไซน์เนอร์ เช่น การเลือกใช้วัสดุที่งดอิมพอร์ตจากเมืองนอก การเลือกเดินทางให้น้อยลง รวมถึงจัดการกับขยะเศษผ้าและส่งต่อ่ให้โรงงานที่สามารถนำไปรีไซเคิลให้เกิดประโยชน์ต่อได้ “เริ่มที่สเต็ป บาย สเต็ป เล็กๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” ... ณัฐพล – ดีไซเนอร์กล่าว

ดีไซน์เนอร์ : พลพัฒน์ อัศวะประภา

     อีกหนึ่งแบรนด์สุดสร้างสรรค์จาก หมู พลพัฒน์ อัศวะประภา แห่งอาซาว่ากรุ๊ป ที่กำลังจะเดบิวต์โชว์จากแบรนด์ MOO เป็นครั้งแรกบนเวที BIFW 2023 แห่งนี้ ซึ่งหากแบรนด์ ASAVA คือความหรูหราลักซ์ชัวรี ASV คือความเฟมินีนขั้นสุด ส่วน MOO นั้นคือความเป็นผู้ชายในสไตล์ Urban Casual เสื้อผ้าและแอคเซสซอรี่่ไลฟ์สไตล์ที่เข้าได้กับทุกสถานการณ์ รวมไปถึงแพทเทิร์นต่างๆ ที่แฝงความเรียบง่าย สวมใส่สบายสไตล์ Preppy Look ที่อยู่ภายใต้ฝีมือการออกแบบสุดเนี้ยบของหมู – พลพัฒน์ในทุกกระเบียดนิ้ว และเมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และ Sustainable Fashion กลายเป็นวาระสำคัญของโลก คนแฟชั่นอย่างพลพัฒน์เองก็ต้องตระหนักรู้ด้วยเช่นกัน ที่สุดแล้วเขาเน้นย้ำว่า แฟชั่นไม่ใช่ตัวร้าย แต่ควรจะมองพฤติกรรมของตัวเราก่อน ว่าเสื้อผ้าแต่ละตัวนั้นจำเป็นต้องมีไหม จะใช้กี่ครั้ง คุ้มไหม และพอคิดแบบนี้ยิ่งทำให้เรื่องแฟชั่นสนุกขึ้น เพราะนี่คือตัวคัดกรองเพื่อให้ตั้งใจซื้อเสื้อผ้าให้ตรงกับจิตวิญญาณของเรามากที่สุด

ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ : นาการา สัมพันธารักษ์

     ในโชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ นอกจากเทคนิคการมัดย้อมแบบฉบับของนาการาที่ขึ้นชื่อและเป็นดีเอ็นเออันชัดเจนของแบรนด์แล้ว ยังได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางและค้นคว้าเทคนิค Tie Dry (มัดย้อม) จากญี่ปุ่นนำมารังสรรค์เข้ากับผ้าไหมไทยคุณภาพสูง ที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าหัวใจไทยที่ยังให้คุณค่ากับงานสไตล์ Craftsmanship ที่ถูกรังสรรค์ด้วยมือในทุกขั้นตอน

ผู้ก่อตั้งและดีไซน์เนอร์ : ภูมิศักดิ์ เฑียรฆประสิทธิ์ และ สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์

     ยังคงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทย Menswear ที่มีความโดดเด่นในคอนเซ็ปต์ ความเรียบง่ายแต่เท่ แม้ดูภายนอกจะสื่อถึงความเป็นชายหนุ่มที่มีบุคลิกเงียบขรึม เรียบร้อย หลงรักงานศิลปะ แต่ลึกๆ นั้นยังแฝงความขบถไว้ภายในคาแรกเตอร์ที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้ามายาวนานกว่า 15 ปี สำหรับโชว์ของ BIFW2023 แบรนด์จะพูดถึงความสัมพันธ์ของศิลปะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ผ่านคอลเล็กชันที่ชื่อว่า “ARTCORE (มาจากคำว่า HARDCORE)” โดยทางดีไซเนอร์แบรนด์ได้นิยามการทำเสื้อผ้าก็เหมือนการผลิตชิ้นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง จะทำอย่างไรให้ศิลปะบนร่างกายของผู้ชายนั้นโดดเด่น แต่ก็ไม่เยอะจนดูรุงรัง มีเอกลักษณ์แต่ก็ยังสวมใส่ได้ในทุกๆ วัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกโชว์ที่จะเซอร์ไพรส์ผู้ชมในปีนี้อีกเช่นกัน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า PAINKILLER ยังเป็นอีกแบรนด์ที่ตื่นรู้และให้ความสำคัญในเรื่อง Sustainability มากว่า 3 ปี ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือผ้าที่เหลือจากการใช้งาน จะถูกนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับโชว์ครั้งนี้อีกด้วย

ผู้ก่อตั้งและดีไซน์เนอร์: พิสิฐ จงนรังสิน และ ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์

     Let’s Rock New York! หลังจากที่ The Identity Collection คอลเลกชันล่าสุดประจำฤดูร้อนปี 2024 ของ Tube Gallery ที่บินไปเปิดตัวที่นิวยอร์กในงาน New York Fashion Week ที่ทำเอารันเวย์แทบลุกเป็นไฟ บวกกับความตั้งใจของสองดีไซเนอร์ที่อยากให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น สำหรับคอนเซปต์ของคอลเลกชันนี้ ที่ได้หยิบยกประเด็นความแตกต่างทางสังคมมาเป็นแรงบันดาลใจ โดยนำเรื่อง “Identity” หรือ “ตัวตน” มาตีความหมายใหม่ กลายเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลวดลายของนิ้วมือ ลวดลายของนัยต์ตาที่ขยายผ่านเลนส์ ผสมผสานเทคนิคฝีมือบนเนื้อผ้าที่ยูนีค ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังได้หยิบเอาโครงเสื้อผ้าแนวเทลเลอร์ลิงที่เคยเป็นธรรมเนียมการแต่งตัวของผู้ชาย มาดัดแปลงให้กลายเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงในแนว Dramatic Fashion ที่ทั้งคู่ถนัด ทำให้เกิดความแปลกใหม่และแตกต่างที่ลงตัวที่มีเอกลักษณ์และแสดง “ตัวตน” ได้อย่างแท้จริง

ผู้ก่อตั้งและดีไซน์เนอร์ : วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา

     หลังจากชุดเกาะอกสไตล์โอริกามิสีขาวสุดคลาสสิก ได้อวดโฉมบนพรมแดงในเทศกาลหนังเมืองคานส์ เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แฟชั่นแบรนด์ไทย Vatanika เป็นที่จับตามองมากขึ้น จนอาจนิยามได้ว่า วทานิกาคือตัวแม่ผู้ปลดปล่อยแบรนด์ไทยสู่ฮอลลีวู้ดก็ว่าได้ ทั้งผีมือการออกแบบที่เรียบหรู และดีเทลของเสื้อผ้าที่เน้นทรวดทรงของผู้หญิงให้โดดเด่น รวมไปถึงแพทเทิร์นการตัดเย็บที่คอมพลีตลุคให้ผู้หญิงสวยขึ้นโดยไม่ต้องมีดีเทลที่เยอะหรือรุงรัง ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในงานดีไซน์ของแบรนด์ Vatanika ที่ว่า “Simple but ertificate” จนกลายมาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยมมากจากเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั้งในบ้านเราและฮอลลีวู้ด “แพรได้ยินมาตลอดว่าแบรนด์ของเราเซ็กซี่ ซึ่งแพรเองไม่เคยมองว่าแบรนด์เราเซ็กซี่จนมาถึงคอลเล็กชันล่าสุดนี้ เรารู้สึกว่ามันเปรี้ยวดี มีความกล้าในการที่จะใช้สีสัน มันเลยทำให้ดูเซ็กซี่ ดูเปรี้ยวได้ในแบบที่ไม่จำเป็นต้องโป๊” พร้อมกับบอกว่า จะยังไม่มีอะไรนิ่งจนกว่าโชว์ครั้งนี้จะเริ่มขึ้น ติดตามคอลเล็กชั่นและโชว์ที่กำลังจะมาเซอร์ไพรส์คุณผู้ชมเหมือนกับทุกครั้งบนเวที BIFW2023