7 วิธีประหยัดค่าไฟ เมื่อต้อง Work from Home

หลังจาก WFH หรือทำงานอยู่บ้านมาหลายเดือน แต่เพื่อให้ค่าไฟไม่พุ่งจนน่าตกใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องเปิดแอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งวัน ลองมาดูวิธีการช่วยประหยัดค่าไฟเมื่อต้องทำงานอยู่บ้านกันดู

1. เปิดประตูหน้าต่างให้แสงสว่างธรรมชาติเข้ามาให้มากที่สุด เพราะจะช่วยลดการเปิดไฟในห้อง และการที่อากาศถ่ายเทช่วยลดปัญหาการสะสมของเชื้อโรคและเชื้อราอีกด้วย

2. ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ แน่นอนว่าสำหรับเมืองไทย เราคงต้องทำงานโดยเปิดแอร์ไปด้วย ถ้าใช้งานไปได้สักพักจะพบได้ว่าแอร์ทำความเย็นได้น้อยลง เพราะมีฝุ่นละอองเข้าไปสะสม ทำให้แอร์กินไฟกว่าปกติ และเสี่ยงกับการที่ฝุ่นจะเข้าไปอุดตันท่อแอร์อีก เราจึงควรล้างแอร์อย่างสม่ำเสมออย่างต่ำทุก 6 เดือน แต่ถ้าห้องที่เปิดแอร์นั้นมีฝุ่นมากกว่าปกติ ควรปรับมาเป็น 3 เดือน หรืออย่างน้อย ถอดหน้ากากแอร์ออกมาล้างและเป่าแห้งเพื่อลดฝุ่นที่สะสมอยู่

3. ลดความชื้นภายในห้องทำงาน นอกจากเราต้องลดอุปกรณ์ทำความร้อนในห้องเพื่อไม่ให้แอร์ต้องทำงานหนักแล้ว การลดความชื้นต่างๆ ในห้องก็เป็นสิ่งจำเป็น ทั้งต้นไม้ ภาชนะใส่น้ำ ผ้าที่ตากไว้ หรือปิดประตูห้องน้ำให้สนิท เพราะแอร์จะต้องใช้พลังงาน 30% ในการทำความเย็นตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ และใช้พลังงานอีก 70% เพื่อกำจัดความชื้นต่างๆ

4. จัดเวลาและมุม WFH ให้เป็นสัดส่วน เพื่อเปิดแอร์เพียงบริเวณเดียว และควรทำงานเป็นเวลาเช่นเดียวกับออฟฟิศไทม์ เช่น เริ่มต้นทำงาน เปิดแอร์ 9 โมงเช้า และปิดแอร์ตอนเที่ยง กลับมาเปิดแอร์อีกครั้ง ตอนบ่ายโมงถึงเวลาเลิกงาน 6 โมงเย็น เป็นต้น

5. ตั้ง Sleep Mode ให้กับคอมพิวเตอร์ เรามักใช้แล็บท็อปในการทำงาน แต่ระหว่าง WFH อาจเปิดโอกาสให้เราเดินไปเดินมาทำธุระอื่นบ่อยๆ จึงควรตั้งการปิดพักหน้าจอเอาไว้เพื่อประหยัดไฟที่ใช้กับคอมพิวเตอร์

6. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ เพราะลำพังแค่ปิดสวิตช์นั้นยังไม่พอในการตัดกระแสไฟ นอกจากนี้ บรรดาอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ เมื่อหยุดใช้งานก็ควรปิดเครื่อง เพราะหากยังเปิดเครื่องไว้ อุปกรณ์เหล่านั้นก็ยังต้องการไฟฟ้าเข้าไปหล่อเลี้ยงตัวระบบอยู่ดี

7. ตั้งตู้เย็นให้เหมาะสม และไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยๆ เพราะเวลาเปิดตู้เย็นจะทำให้อุณหภูมิภายในตู้สูงขึ้น ตู้เย็นจึงทำงานมากขึ้นและกินไฟมากขึ้นด้วย และหมั่นตรวจสอบสิ่งของในตู้เย็นให้เป็นระเบียบ ยิ่งมีของไม่จำเป็นมากก็ยิ่งทำให้กินไฟมากขึ้น


ลองลดค่าไฟไปกับวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนในบ้านทำได้ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดและช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ด้วย