BACK TO EXPLORE

‘เทรนด์สีที่จะมาแรงในปี 2023’ คอแฟชั่นอัปเดตด่วน!

เตรียมความพร้อมก่อนสิ้นปี ไม่เฉพาะคนวงการกราฟิกเท่านั้น แต่คอแฟชั่นเองก็ต้องอัปเดตเทรนด์สีของปีถัดไปด้วยเช่นกัน

นอกจากงานดีไซน์แล้ว ‘เทรนด์สี’ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมแฟชั่น สีเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตน อารมณ์ และที่มากไปกว่านั้น คือการสะท้อนความเป็นไปของโลกในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งนั้นทำให้สีที่ได้รับความนิยมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การอัปเดตเทรนด์สีที่กำลังจะมาแรงในอนาคตอันใกล้ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่คอแฟชั่นต่างให้ความสนใจ

การวิเคราะห์ของ Pantone

สำหรับสีที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์มาแรงในวงการแฟชั่นปีหน้านับว่าค่อนข้างหลากหลาย ทั้งในแง่ของโทนสีที่มีตั้งแต่โทนพาสเทลไปจนถึงโทนสีสด และในแง่ของเฉดสีที่มีแม่สีทั้ง 3 ครบครัน แถมยังเพิ่มเติมด้วยสีอื่นอีกไม่น้อย โดยบริษัทที่อยู่บนยอดพีรามิดของระบบสีในวงการต่างๆ อย่าง Pantone ได้คาดการณ์โดยอิงจากแฟชั่น Spring/Summer 2023 ในช่วง New York Fashion Week งานแฟชั่นโชว์จากหนึ่งในมหานครแฟชั่นของโลก และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มสีสดใส

กลุ่มที่รวบรวมหลากสีสันอันสดใสที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน ทรงพลัง และร่าเริง ซึ่งสีในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย
1. สี Fiery Red สีแดงที่แสดงถึงพลังงานอันล้นเหลือ
2. สีชมพูฟูเซียที่สร้างความรู้สึกกล้าแสดงออกซึ่ง Pantone ตั้งชื่อว่าสี Beetroot Purple
3. สี Crystal Rose สีชมพูอ่อนๆ ให้ความรู้สึกสวยหวานราวกับกุหลาบยุคใหม่
4. สี Tangelo สีส้มที่ทั้งเปรี้ยวจี๊ดและมีระดับ
5. สี Peach Pink สีชมพูพีชที่อาจไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดแต่ก็ชดเชยด้วยความรู้สึกอบอุ่น
6. สี Empire Yellow สีเหลืองที่แม้จะไม่ใช่กลุ่มสีนีออนแต่ก็มีความสว่างและให้ความรู้สึกสนุกสนาน
7. สี Classic Green สีเขียวแบบดั้งเดิมที่สื่อถึงการมีสุขภาพดี
8. สี Love Bird สีเขียวที่เพิ่มสีเหลืองเข้าไปเล็กน้อย ให้ความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา เหมือนนกเลิฟเบิร์ดที่นำมาตั้งชื่อ
9. สี Blue Perennial สีน้ำเงินที่มีความอมเทานิดๆ ให้ความสุขุมแต่ในขณะเดียวกันก็โดดเด่น
10. และสีสุดท้าย สี Summer Song สีฟ้าที่ค่อนไปทางทางเทาที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

กลุ่มสีคลาสสิก

สำหรับสีในกลุ่มนี้จะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ และเป็นสีคลาสสิกที่เราพบเห็นได้บ่อยในวงการแฟชั่น (และชื่อว่าเป็นสีที่หลายคนมีติดตู้อยู่แล้ว)
1. สี Skylight สีฟ้าที่มีความสว่างใสราวกับน้ำสะอาด ซึ่งใกล้เคียงกับสีฟ้า Baby Blue (ทั้งคู่เป็นหนึ่งในกลุ่มสีฟ้าพาสเทล)
2. สี Vanilla Cream สีครีมนุ่มที่ราวกับนำสีพีชมาลดความเข้มลง ทำให้ได้สีสันที่น่ารักและสดใส มีความสว่างขึ้น
3. สี Gray Lilac สีเทาที่ผสมสีม่วง Lilac ลงไปเล็กน้อย กลายเป็นสีที่ให้ความรู้สึกชวนฝัน
4. สี Leek Green สีเขียวอมน้ำตาลที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงพืชผักต่างๆ มีความใกล้เคียงกับสีเขียวมะกอก (แต่ออกน้ำตาลมากกว่า)
5. สี Macchiato สีน้ำตาลของกาแฟมัคคิอาโตแสนอร่อยที่ถูกเจือจางลงด้วยนมและโฟมนม


“เทรนด์สีสำหรับ Spring/Summer 2023 มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึง เป็นการผสมผสานการหลีกหนีจากความเป็นจริง เข้ากับการมีสุขภาพดี และการมีความสุขสนุกสนาน เราได้เปิดโอกาสให้กับการสำรวจความแตกต่างอย่างสุดขั้วของอารมณ์และสีสัน” Leatrice Eiseman กรรมการบริหารของ Pantone กล่าวถึงเทรนด์สีในซีซั่นนี้ “สีสันเหล่านี้ถือว่าเป็นสีสันพื้นฐานและมีประโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย ในขณะเดียวกันก็ช่วยยกระดับความรู้สึกสนุกสนานด้วย”


ความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าดีไซเนอร์

หลายครั้งที่ความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าดีไซเนอร์นั้นแตกต่างจาก Pantone แต่ก็มีหลายครั้งที่ไม่ได้ต่างกัน ล่าสุดคือสี Very Peri ที่ดูเหมือนทั้ง 2 ฝั่งจะคิดตรงกันว่า ‘สีม่วง’ นี่แหละคือเทรนด์สำหรับปี 2022

แล้วสำหรับปี 2023 ล่ะเป็นอย่างไร? เมื่อหันขึ้นไปมองบนรันเวย์ เราจะเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์ของบรรดาดีไซเนอร์จากหลากหลายแบรนด์ดังดูเหมือนจะไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสีที่เหล่าดีไซเนอร์พร้อมใจกันส่งขึ้นรันเวย์ก็ยังคงเป็นสีที่มีความสดใสรับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน

1. Vibrant Blue

สำหรับสีน้ำเงินที่เหล่าดีไซเนอร์เลือกใช้ในซีซั่นนี้เป็นสีน้ำเงินที่มีความสว่างสดใส ไม่ใช่สีน้ำเงินที่อยู่ในโทนมืด โดยเฉพาะ Off-White และ Giorgio Armani ที่ยกพื้นที่ส่วนใหญ่บนรันเวย์ให้สีนี้ ราวกับต้องการเพิ่มความสว่างให้วงการแฟชั่นหลักจากเผชิญความมืดมนในช่วงโรคระบาด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสงบและเย็นตา นอกจากนี้แล้ว Alexander McQueen และ Gucci ก็หยิบสีนี้มาใช้งานด้วยเช่นกัน



2. Hot Red

สาวฮอตผู้หลงรักสีแดงคงต้องมีความสุขไม่น้อยในซีซั่นนี้ เมื่อสีแดงสดอันทรงพลังได้กลับมาครองเทรนด์อีกครั้ง ความร้อนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากรันเวน์ในซีซั่นนี้ของ Dolce & Gabbana, Alexander McQueen, Balenciaga และ Givenchy คงปลุกไฟและใจรักของคอแฟชั่นที่ยึดมั่นในวลีที่ว่า ‘ชุดไม่แดง ไม่มีแรงเดิน’ ให้ลุกโชน ร้อนแรงแข่งกับอากาศช่วงซัมเมอร์



3. Beige & Brown

โทนสีที่ยืนยงเป็นอมตะตลอดกาล ไม่ว่ายุคสมัยไหนสีเบจและสีน้ำตาลก็ยังคงได้รับความนิยมและถูกหยิบมาใช้งานไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นช่วงยุค 80s ยุค 90s หรือแม้กระทั่งช่วงที่ผ่านมาที่เทรนด์เอิร์ธโทนมาแรงสุดๆ ซึ่งซีซั่นนี้ Ralph Lauren, Stella McCartney, Saint Laurent และ Ferragamo เปิดโอกาสให้คอแฟชั่นได้ประหยัดงบ เพราะสามารถหยิบไอเท็มที่มีอยู่แล้วในตู้เสื้อผ้ามาสไตลิ่งลุคใหม่ได้โดยไม่ตกเทรนด์



4. Modern Pink

เมื่อพูดถึงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน Stella McCartney, Balenciaga, Saint Laurent และ Issey Miyake ก็ไม่พลาดที่จะหยิบสีสันอันสดใสอย่างสีชมพูมาช่วยเพิ่มมู้ดแอนด์โทนที่สนุก สดชื่นให้กับคอแฟชั่น และถึงแม้ว่าสีชมพูจะไม่ได้ให้ความรู้สึกสนุกสนานรื่นเริงเท่าสีเหลือง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสีที่ใช้งานได้หลากหลายกว่ามาก เพราะไม่ว่าจะเป็นลุคสวยเฉียบหรือหวานละมุน สีชมพูก็ตอบโจทย์แทบทุกลุค



5. Pastel Lime

ปิดท้ายด้วยสีที่มีความเย็นตา ละมุนละไม แต่ก็แอบซ่อนความเปรี้ยวไว้แบบไม่กระโตกกระตากอย่างสีพาสเทลไลม์ ที่มีพื้นที่บนรันเวย์ของ Raf Simons, Bottega Veneta และ Fendi สำหรับลุคทางการหรือกึ่งทางการที่ต้องการความสุภาพเรียบร้อย แต่ก็อยากสะท้อนความเป็นคอแฟชั่นตัวยง สีนี้คือสีที่ตอบโจทย์อย่างถึงที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแมตช์กับสีเบจหรือสีน้ำตาลได้อย่างเพอร์เฟกต์




จะเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์และการวิเคราะห์ของ Pantone นั้น แม้จะมีความต่างกันเล็กน้อยในด้านเฉดสี แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในกลุ่มสีเดียวกัน จึงสามารถพูดได้ว่าในปีนี้ทั้งดีไซเนอร์และ Pantone มีความคิดเห็นตรงกัน แน่นอนว่าการวิเคราะห์ของ Pantone ไม่ได้มีที่มาเพียงแค่แฟชั่นบนรันเวย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสตรีตแฟชั่น และไอเท็มที่บรรดาเซเลบริตี้เลือกสวมใส่ด้วย ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ได้ตรงกับเป๊ะเสียทีเดีย ซึ่งเราคงตัดสินไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก แต่ที่แน่ๆ หากคุณเป็นคอแฟชั่นที่ไม่ต้องการตกเทรนด์ในปี 2023 สีเหล่านี้คือสีที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง