วางแผนการลงทุน การออมตามเจเนอเรชั่น
เพราะแต่ละช่วงอายุ มีความจำเป็นในการใช้จ่ายและการสะสมความมั่งคั่งที่แตกต่างกัน ลองเลือกวิธีที่เหมาะกับช่วงวัยของคุณ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารต่างๆ ในสยามพารากอนได้เลย
เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลก นั่นทำให้หลายๆ คนตระหนักถึงการวางแผนการเงินเพื่อสู้กับวิกฤตการณ์ครั้งนี้และครั้งต่อไปมากขึ้น
แต่การวางแผนทางการเงินนั้น ไม่มีสูตรตายตัว แต่เป็นการนำแนวทางพื้นฐานมาปรับให้เข้ากับความเชี่ยวชาญ ภาระหน้าที่ เป้าหมาย ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามเจเนอเรชั่น แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหน ก็เรียนรู้เทคนิคการวางแผนที่เหมาะกับคนแต่ละเจเนอเรชั่น เพื่อเอาไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวคุณเองได้เหมือนกัน
Generation Z (ผู้ที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540)
เด็กรุ่นใหม่ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ เติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในยุคดิจิทัล ชอบเรียนรู้และรับรู้ทุกอย่างได้รวดเร็ว เชี่ยวชาญการค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นข้อดีที่น้องๆ ใช้เป็นช่องทางหารายได้พิเศษ เช่น การขายของออนไลน์ หรือหาข้อมูลคอร์สเรียนออนไลน์ เพื่อใช้ต่อยอดการเรียนรู้และการลงทุนในอนาคต
เทคนิค: วางแผนการออมเงินแบบง่ายๆ ด้วยการหยอดกระปุก นำไปฝากประจำกับธนาคาร หรือซื้อสลากออมทรัพย์ เพื่อสร้างวินัยการออมอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ยังเด็ก และเตรียมพื้นฐานสำหรับการลงทุนในช่วงต่อไป
Generation Y (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2523 - 2540)
ยุคเฟื่องฟูของเทคโนโลยี ทำให้เด็กที่เกิดในยุคนี้ปรับตัวเข้ากับโลกไอทีได้ง่ายๆ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ กล้าได้กล้าเสีย ซึ่งปัจจุบันคือน้องๆ ที่อยู่ในวัยเริ่มต้นทำงาน ยังไม่ค่อยมีภาระทางการเงินมากนัก จึงสามารถเลือกประเภทการลงทุนระดับเสี่ยงสูงถึงปานกลางค่อนสูงได้
เทคนิค: ลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมหุ้นได้ถึง 90% สำหรับอีก 10% ควรเป็นการสร้างรากฐานการเงินที่มั่นคง โดยลงทุนผ่านรูปแบบที่มีความผันผวนน้อยเพื่อเป็นเงินออมระยะยาว เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้นกู้ เป็นต้น
Generation X (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2508 - 2522)
กลุ่มคนวัยทำงานที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบสร้างสมดุลการใช้ชีวิตทั้งเรื่องงานและครอบครัว สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ เช่น วิกฤตโควิด-19 ได้ดี แม้จะเป็นช่วงที่หาเงินได้มาก แต่เพราะอยู่ในระหว่างสร้างครอบครัว จึงเต็มไปด้วยภาระและค่าใช้จ่าย เช่น บ้านและทรัพย์สิน ที่มากขึ้นตามวัยด้วยเช่นกัน
เทคนิค: เพิ่มการวางแผนการออมเพื่ออนาคตและวางแผนเกษียณ ด้วยการจัดสรรเงินออมให้สมดุลกับการใช้ชีวิตของตัวเอง ลงทุนหุ้นประมาณ 50% ส่วนที่เหลืออาจเป็นกองทุนรวมต่างๆ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และแบ่งเงินออมเผื่อฉุกเฉินด้วย
Baby Boomer (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2489 - 2507)
เจเนอเรชันที่เกิดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นช่วงที่มีความมั่นคงเพราะฐานเงินเดือนสูง แต่เหลือเวลาสร้างรายได้อีกไม่มากนัก หรือบางคนก็เข้าสู่วัยเกษียณแล้ว จึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินเพื่ออนาคตในวันที่ไม่มีรายได้จากการทำงาน และมีปัญหาสุขภาพที่เพิ่มขึ้นตามวัยด้วย
เทคนิค: ลงทุนหุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมระยะยาวที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมทั้งการออมประเภทเน้นความมั่นคง เช่น ฝากประจำ ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อมีเงินใช้ในวัยเกษียณ
รูปแบบการออมและการลงทุนที่หลากหลาย แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ถ้าหาความรู้เพิ่มเติม และเลือกวิธีที่เหมาะกับเจเนอเรชั่น อาจจะช่วยลดความเสียหาย และช่วยให้คุณประคองตัวเองและครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ หรือปรึกษาแนวทางการออมและการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ ในสยามพารากอนได้เลย
แหล่งข้อมูล : กองทุนการออมแห่งชาติ / กรุงเทพประกันชีวิต