BACK TO EXPLORE

รวม 15 คอลเลคชั่นล่าสุดจากรันเวย์ #BIFW2022 จากแบรนด์ไทยระดับอินเตอร์ พร้อมให้ช้อปแล้ววันนี้ที่สยามพารากอน และ ONESIAM SuperApp

พบกับภาพรวมลุคและเบื้องหลังการออกแบบของ 15 แบรนด์ไทยจากแฟชั่นโชว์ระดับประเทศ SIAM PARAGON BANGKOK INTERNATIONAL FASHION WEEK และกดช้อปได้เลยผ่าน ONESIAM SuperApp ดาวน์โหลดด่วน

SIAM PARAGON BANGKOK INTERNATIONAL FASHION WEEK #BIFW2022 แฟชั่นโชว์ระดับประเทศที่เขย่ารันเวย์ Grand Stage ณ พารากอนให้ฮอตสุดขีด จัดเต็มตลอดทั้ง 5 วัน รวม 15 โชว์ เปิดรันเวย์อวดโฉมคอลเล็กชั่นใหม่ Autumn/Winter2022 ของทั้ง 15 แบรนด์  และนางแบบ-นายแบบกว่าร้อยชีวิตที่จัดเต็มทั้งหน้าผม เดินออกมาอวดโฉมลุคต่อลุค ชุดต่อชุด ตั้งแต่ชุดแรก จนถึงฟินาเล่ เผยไอเท็มที่สุดแสนจะยูนีคและเต็มไปด้วยรายละเอียดอันโดดเด่นของแต่ละแบรนด์ก็ยิ่งอยากจะช้อปมาเป็นเจ้าของสุดๆ

สยามพารากอนเชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งให้สมบูรณ์แบบ เตรียมแพลตฟอร์มสำหรับให้คุณช้อปปิ้งลุคจากรันเวย์ได้อย่างสะดวกและง่ายดายเพียงปลายนิ้วคลิก เปิดแอปพลิเคชัน เลือกแบบที่ชอบและกดสั่งซื้อ จากนั้นก็รอให้ไอเท็มมาส่งถึงบ้านของคุณได้เลย
ดาวน์โหลด ONESIAM SuperApp ได้ที่ https://bit.ly/3M99hRA

และหากใครที่พลาดชมงาน #BIFW2022 ไป วันนี้เรามีสรุปภาพรวมคอลเล็กชั่นใหม่ของทั้ง 15 แบรนด์ให้ชมกับแบบจุใจ งานดีงานละเอียดเหมือนได้ดูชิดติดขอบรันเวย์ ครบทั้ง 15 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Absolute Siam presented by ZEPETO : Sculpture Studio x Waterandother x Fill in the Bag, ASAVA, FLYNOW, FRI27NOV., GREYHOUND ORIGINAL, ISSUE presented by TAT, KLOSET, LEISURE PROJECTS, NAGARA, PAINKILLER Atelier presented by Seiko 5 Sports, POEM Presented by Purra, TandT, VATANIKA presented by Lexus, VICKTEERUT และ VVON SUGUNNASIL

Absolute Siam presented by ZEPETO: Sculpture Studio x Waterandother x Fill in the Bag

หากพูดถึงองค์ประกอบของ Teen Movie ที่มีเซ็ตติ้งอยู่ริมทะเลในหน้าร้อน คุณนึกถึงอะไร? หาดทรายเนียนละเอียด? เสียงคลื่นกระทบฝั่ง? เสียงเด็กๆ เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน? วัยรุ่นอาบแดด เล่นกีต้าร์ นอนชิลบนชายหาด? ทั้งหมดนี้ Absolute Siam จัดให้ครบ เพราะโชว์ในครั้งนี้ถูกเนรมิตให้เป็นดั่งสตูดิโอภาพยนตร์ที่แสดงให้เราได้เห็นเรื่องราวการถ่ายทำภาพยนตร์ 1 เรื่อง ที่ตัวละครทุกตัวต่างมี Scene อันโดดเด่นเป็นของตัวเอง ตามคอนเซ็ปต์ ‘Excuse me, I have to go make scene!’




แฟชั่นในโชว์นี้มีความสดใส สนุกสนาน ในสไตล์ Teenage ผนวกกับแฟชั่น Y2K ที่ถือว่ากำลังมาแรงในขณะนี้ ทั้งกางเกงคาร์โกโอเวอร์ไซซ์ เสื้อครอปตัวจิ๋ว ไปจนถึงทรงผมที่มัดเป็นปอยเล็กๆ ด้วยยางหลากสีสัน โดยถ่ายทอดกลิ่นอายของ ‘ทะเล’ ผ่านการตกแต่งด้วยดีเทลเปลือกหอย แต่ในขณะเดียวกันเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นนี้ก็มีความ Genderless ที่สื่อให้เห็นว่าแม้เป็นผู้ชายก็สามารถสวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสได้ไม่ต่างจากผู้หญิง และยังสไตลลิ่งออกมาเป็นลุคที่คูลเกินคาด ซึ่งต้องยกเครดิตให้ Sculpture Studio, Waterandothers และ Fill in the bag แบรนด์ดังทั้ง 3 แบรนด์ที่ผนึกกำลังกันสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นอันเพอร์เฟกต์นี้ ด้วยการผสานเอกลักษณ์ของทั้ง 3 แบรนด์ จนได้ไอเท็มที่มีความแข็งแกร่งของสไตล์แมสคิวลีน แต่ก็มีความรีแล็กซ์และเย้ายวนของ Beachwear จนสามารถนำมาสวมใส่ได้ไม่มีเบื่อ




ASAVA

โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นมากมายอาจทำให้เราหลุดโฟกัสไปจากรากฐานและแก่นแท้ของตัวเอง ASAVA จึงขอพินิจและสำรวจตัวตนของแบรนด์อย่างละเอียดอีกครั้ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘It’s time to focus on what matters’




นำสไตล์และสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาตีความใหม่ในคอลเล็กชั่น Autumn/Winter 2022 ดังนั้นโชว์นี้จึงเต็มไปด้วยสีขาว สีดำ สีเอิร์ธโทน ตลอดจนสีพาสเทลเบาๆ  (ทั้งฟ้า เขียว และเหลือง) ที่ให้ความรู้สึกสุขุมและสมาร์ท เสริมไปกับผ้าเนื้อเงาที่พลิ้วไหว เล่นแสง ให้ความรู้สึกนุ่มนวล แล้วเพิ่มความสดใสด้วยการส่งเดรสสีสดหลากหลายซิลลูเอตต์ขึ้นสู่รันเวย์ ทั้งมินิเดรส มิดิเดรส แม็กซี่เดรส ราวกับเป็นดอกไม้ที่ผลิบานสร้างสีสันให้โลกใบนี้ อีกทั้งยังมีการจับคู่สีที่ตัดกัน เพื่อเพิ่มความสะดุดตาให้กับลุค




นอกจากดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสะท้อนตัวตนของ ASAVA ได้อย่างชัดเจน ในคอลเล็กชั่นนี้เราจะได้เห็นไอเท็มที่รับหน้าหนาว อย่างผ้าคลุมไหล่บุนวมที่ดูอบอุ่นและนุ่มนวล แต่ความหนาที่ดูคอนทราสต์นี้กลับมาพร้อมมกับการใช้ผ้าบางพลิ้ว ที่ลงตัวได้อย่างน่าเชื่อเลย  ภาพรวมของโชว์แสดงให้เห็นว่า ASAVA คือแบรนด์มากประสบการณ์ที่เรียกได้ว่า ‘โตเต็มวัย’ จนรู้ทิศทางและตัวตนของตัวเอง แม่นในงานดีไซน์และการเลือกใช้วัสดุ และจะไม่มีวันหลงทางในวงการแฟชั่นที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าอย่างแน่นอน


FLYNOW

FLYNOW นำเสนอแฟชั่นสไตล์นีโอวิกตอเรียน (Neo-Victorian) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ในโทนสีสุดลักชัวรีอย่างสีดำ สีขาว และสีทอง สำหรับคอแฟชั่นแล้ว ยุควิคตอเรียถือว่าเป็น ‘ตำนาน’ ด้วยความหรูหราและสวยงามอันชวนฝัน จึงไม่แปลกใจที่ FLYNOW จะถูกตาต้องใจจนหยิบซิลลูเอตต์และองค์ประกอบต่างๆ มาใช้งานอยู่บ่อยครั้ง โดยปรับให้มีความโมเดิร์นขึ้นตามยุคสมัย แต่ครั้งนี้ FLYNOW ขอทุบกฎเกณฑ์ของสไตล์นีโอวิกตอเรียนแล้วเพิ่มระดับความหรูหราให้ใกล้เคียงกับสไตล์วิกตอเรียนแบบออริจินัลมากกว่าเดิม ดังนั้นไอคอนของยุควิกตอเรียจึงประเดประดังสู่รันเวย์แบบจัดเต็ม






อีกหนึ่งไอคอนที่ถูกหยิบมาใช้งานในคอลเล็กชั่นนี้คือแผงคอ (Ruff) สุดอลังการ ที่ดู ‘ย้อนแย้ง’ กับเดรสลูกไม้ซีทรูเข้ารูป แต่กลับสร้าง ‘ความสมดุล’ ให้กับลุคได้อย่างน่าอัศจรรย์ และยังมีแผงคอไซส์กะทัดรัดที่ถูกเสริมมากับเสื้อเชิ้ตแขนบิชอป รวมถึงเดรสสั้นแต่งเฟอร์ แล้วเพิ่มความโมเดิร์นด้วยบู๊ตหนังเมทัลลิกสูงเหนือเข่าที่ทำเอาคอแฟชั่นตาโต นอกจากนี้ยังมีแอ๊กเซสเซอรี่ส์อีกมากมายทั้งเครื่องประดับศีรษะหลากหลายรูปแบบ ดอกไม้ยักษ์ที่เสริมมากับชุด โชเกอร์โลหะสีทองสลักชื่อแบรนด์ ไปจนถึงหมวกปีกกว้างสุดเริ่ดที่มายกระดับความลักชัวรีของโชว์ . วัสดุที่ FLYNOW เลือกใช้คือสิ่งที่สะท้อนความเก๋าเกมของแบรนด์ การนำผ้าแจ๊กการ์ดมาใช้งานร่วมกับผ้าชีฟองและหนัง หรือการนำเฟอร์มาแมตช์กับกลิตเตอร์ ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่ FLYNOW ก็ ‘เอาอยู่’ ทุกลุค


FRI27NOV.

หลังการมาของ Covid-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก FRI27NOV. ก็ตระหนักถึงความไม่แน่นอน และนั่นก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดคอลเล็กชั่น Autumn/Winter 2022 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Never Gameover การนำอารมณ์ความรู้สึกและเรื่องราวในช่วงที่มีการระบาดมาถ่ายทอดสู่เสื้อผ้า . อะไรจะสะท้อนความรู้สึกหวาดหวั่นในช่วงโควิด-19 ได้ดีไปกว่าถุงดำลึกลับรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ถูกเชือกมัดไว้ ไม่ต้องพูดก็เป็นอันรู้กันว่านั่นน่ากลัวอย่างไร จนกระทั่งผู้ชายในจั๊มป์สูทที่เปรอะไปด้วยสีจากการสะบัดแปรงแหวกถุง (นอน) ออกมาและเปลี่ยนให้กลายเป็นผ้าคลุม ผู้ชมจึงตระหนักได้ว่านี่คือลุคแรกเพื่อเปิดโชว์นี้ พร้อมกันนั้น FRI27NOV. ก็ส่งทัพไอเท็มเปรอะสีราวกับผลงานศิลปะสุดอาร์ตขึ้นสู่รันเวย์




นอกจากการเลือกแต่งแต้มไอเท็มต่างๆ ด้วยการสะบัดฝีแปรงแล้ว FRI27NOV. ยังนำ ‘ทุกสิ่ง’ มาผสมผสานกันได้ลงตัวอย่างน่าฉงน ตั้งแต่จั๊มป์สูทมีฮู้ดพิมพ์ลายดอกไม้ งานปักดอกไม้สุดประณีตบนเสื้อเชิ้ตสีขาวและเบลเซอร์ ตลอดจนผ้าลูกไม้ ผ้าซีทรู ผ้ากำมะหยี่ ผ้าปั๊มลายนูน วัสดุสะท้อนแสง และเนื้อผ้าแบบเมทัลลิก ที่เป็นการส่งสารให้กับผู้ชมว่า ‘นี่คือแฟชั่นที่ไร้กฎเกณฑ์’ สะท้อนความคิดสุดอาร์ตของดีไซเนอร์ได้อย่างชัดเจน




และถึงแม้จะใช้วัสดุแทบทุกชนิดที่วงการแฟชั่นรู้จักรวมกัน แต่ทุกลุคที่ถูกส่งขึ้นสู่รันเวย์กลับลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นลุค Bathrobe สีชมพูพาสเทลสุดนุ่มฟูที่ถูกจับมาแมตช์กับผ้าพันคอซีทรูขึ้นโครงและหมวกปีกกว้างดีเทลสะท้อนแสงที่ดึงดูดสายตาทุกคู่จากฟรอนต์โรว์ และลุคทางการในสูทสีขาวสุดเท่ที่ดูคอนทราสต์กับหมวกปีกพร้อมผ้าคลุมหน้าที่จับคู่มาด้วยกัน ก่อนที่จะเซอร์ไพรส์ผู้ชมด้วยดีเทลกระโปรงปักเลื่อมสุดพลิ้วเมื่อ ‘รัศมี แข’ หันหลัง แม้กระทั่งเบลเซอร์สีเขียวสว่างตัดต่อแขนพองซีทรู ราวกับต้องการทลายทุกขนบที่เคยมีมาของเครื่องแต่งกาย


GREYHOUND ORIGINAL

GREYHOUND ORIGINAL ขอนำเสนอมิติใหม่ที่ครั้งนี้ฉีกแนวออกไปจากเดิม เพื่อตอกย้ำถึงผลกระทบต่ออนาคต ทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม ปัญญาประดิษฐ์ และความหลากหลายต่างๆ ผ่านงานแฟชั่นสไตล์ Futuristic เป็นเหมือนคอลเล็กชั่นที่สะท้อนว่า เราสามารถมีความก้าวล้ำหน้าควบคู่ไปกับการดูแลโลกให้ยั่งยืนได้ ในคอลเล็กชั่นนี้คือการผสมผสานชิ้นงานที่มีความเป็นปัจจุบัน และชิ้นงานที่มีความล้ำยุค ราวกับพาผู้ชมไปเยือนโลกอนาคต




แฟชั่นไอเท็มถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยรูปทรงอันโดดเด่นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าทรงครึ่งวงกลม เสื้อดีไซน์โค้งมนแมตช์กับเลกกิ้งเน้นช่วงขาเรียวและรองเท้าส้นสูง และยังมีแว่นรูปทรงแปลกตาในกรอบหลากสีสัน อย่างไรก็ตาม GREYHOUND ORIGINAL ก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างไอเท็มโอเวอร์ไซซ์และสีสันที่ไม่ฉูดฉาด ดังนั้นในพาร์ทของชิ้นงานปัจจุบันจึงเต็มไปด้วยกางเกงโอเวอร์ไซซ์หลากหลายรูปแบบ ทั้งกางเกงขายาว กางเกงขาสั้น กางเกงคาร์โก รวมไปถึงบรรดาเสื้อเชิ้ตทั้งแขนสั้นและแขนยาวด้วย




แต่สิ่งที่ GREYHOUND ORIGINAL นำเสนอในโชว์นี้ไม่ได้มีเพียงแค่เสื้อผ้า องค์ประกอบทุกอย่างของโชว์ล้วนสะท้อนถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ในการทำให้แฟชั่นก้าวหน้าไปกับโลกอย่างยั่งยืน เวทีถูกทำให้เป็นเนินที่สูงขึ้นไปในทุกก้าวที่เดิน เหมือนกับการยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยขึ้นไปทุกปีในอนาคต วัสดุหลักที่ใช้รังสรรค์ชิ้นงานสุดเฉียบเหล่านี้ก็เป็นวัสดุรีไซเคิลและคอตตอนออร์แกนิก ทั้งยังส่งนายแบบและนางแบบตัวน้อยขึ้นบนเวทีเพื่อส่งสัญญาณว่า การหันมาให้ความสำคัญกับ Sustainable Fashion ในวันนี้เท่ากับเป็นการต่ออายุให้วงการแฟชั่นยังคงอยู่ไปจนถึงวันที่เด็กน้อยเหล่านี้เติบโต


ISSUE presented by TAT

ครั้งนี้ ISSUE ได้เอาหลักคำสอนเรื่องรัก โลภ โกรธ หลง มาแปลงเป็นแรงบันดาลใจสู่ผืนผ้า กับการนำลวดลายจากองค์พระพิฆเนศมาปรับใหม่ให้ดูร่วมสมัย พร้อมใส่เทคนิคปัก ถัก ทอ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม และยังเติมแต่งกลิ่นอายความเป็นไทยลงไปด้วยการเลือกสรรผ้าไหมมาใช้เพิ่มความน่าสนใจให้เสื้อผ้า ซึ่งแค่เริ่มโชว์ก็สร้างความขลังให้ผู้ชมได้แล้วกับซาวด์บทสวดที่ค่อยๆ บิลด์ความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย เข้ากับภาพรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยสีเหลืองของกลีบดอกดาวเรือง ก่อนจะเปิดตัวด้วยเบลเซอร์ตัวสั้นจับคู่กับกางเกงหนังสีเรียบ แต่แอบเก๋ด้วยลายปักชื่อแบรนด์ ไล่เรียงมาเป็น บอมเบอร์แจ็กเกตพิมพ์ลายสีสดใส สูทผ้าไหมคัทติ้งเท่ๆ ที่มีทั้งแบบปักและตัดต่อลาย และยังไม่ลืมหยอดความตื่นเต้นด้วยชุดนิตติ้ง เดรสทูนิค แลกระโปรงยาวลวดลายของแบรนด์ที่ดูใส่สบาย ก่อนจะจบโชว์ด้วยซุปเปอร์โมเดลชื่อดัง ลูกเกด เมทินี ในชุดที่สไตล์อินเดียที่ถูกตีความใหม่ด้วลายพิมพ์ดอกไม้โทนสีจัดจ้าน





 

KLOSET

พบกับสาวเซ็กซี่ที่กล้าแสดงออกจาก KLOSET ที่มาเพิ่มสีสันและความสนุกสนานให้ซีซั่นนี้ด้วยซิลลูเอตต์สุดคลาสสิกร่วมกับโทนสีเข้มเพื่อสื่อถึงความทะมัดทะแมง ในขณะเดียวกันก็เลือกใช้สีสันสดใสอย่างสีฟ้าเบเบี้บลูและสีชมพูพาสเทล พร้อมเทคนิคประดับเพชรและคริสตัลเพื่อเผยกลิ่นอายเฟมินีน ภายใต้คอตเซ็ปต์  Born This Way ความมั่นใจในตัวเองได้ส่งตรงถึงฟรอนต์โรว์เมื่อโชว์เริ่มขึ้นด้วยบีทคุ้นหูอย่าง Born This Way






ในขณะที่ส่งไอเท็มประดับกลิตเตอร์วิบวับราวกับอยู่ในปาร์ตี้ขึ้นสู่รันเวย์ เสื้อครอปและมินิสเกิร์ตที่เป็นดั่งไอเท็มไอคอนิกของ KLOSET ถูกนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ลุคเท่สไตล์สตรีต ด้วยการจับคู่กับกางเกงจ็อกเกอร์ ยีนส์เอวต่ำ โดยไม่ลืมไอเท็มที่ให้ความรู้สึกของหน้าหนาวอย่างหมวกบีนนี่ และแน่นอนว่าไอเท็มทุกชิ้นแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ก่อนจะเพิ่มความสนุกให้กับโชว์ด้วยการแร็ปของ GUNNER x BIGSLP แล้วปรับจังหวะให้เร้าใจขึ้นรับกับการมาของ Anchilee Scott-Kemmis ในลุคแจ็กเก็ตประดับกลิตเตอร์ กระโปรงตาข่าย และรองเท้าแพลตฟอร์มสีเงินที่เซ็กซี่เกินต้านจนคอแฟชั่นต้องแวะช้อปทันทีที่โชว์จบ


LEISURE PROJECTS

LEISURE PROJECTS ขอเอาใจผู้ชายสายลุยที่ชื่นชอบความท้าทาย ด้วยคอลเล็กชั่นไอเท็มกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่เปิดโชว์ด้วยเสียงเครื่องบินแหวกอากาศและนายแบบในชุดนักกระโดดร่มพร้อมพาราชูตผืนใหญ่ในสีเข้าชุด ก่อนที่รันเวย์จะเต็มไปด้วยหนุ่มนักกีฬาทั้งหลาย ทั้งโมโตครอส ไคต์เซิร์ฟ (Kitesurf) โต้คลื่น และสเก็ตบอร์ด . งานดีไซน์สำหรับคอลเล็กชั่นนี้เป็นการหลอมรวม Urbanwear เข้ากับ Sportwear ทั้งในด้านของการหยิบดีเทลของกีฬาเอ็กซ์ตรีมมาใช้ ตั้งแต่ลวดลายตารางหมากรุก สายรัดสำหรับกระโดดร่ม และในด้านของการใช้เนื้อผ้าที่ผสมผสานระหว่างผ้าชนิดพิเศษและผ้าสำหรับเล่นกีฬา ดังนั้นเราจึงได้เห็นจั๊มป์สูทที่เต็มไปด้วยสายรัด หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าแต่งดีเทลเคปด้วยผ้าสำหรับพาราชูต




นอกจากนี้ยังมีงานนิตแวร์ (Knitwear) รับลมหนาวในสไตล์ของ LEISURE PROJECTS ทั้งสเวตเตอร์แขนยาวและสเวตเตอร์แขนสั้นที่เพิ่มดีเทลเคป เสื้อกล้ามถักตาข่ายจากผ้านิตและโลหะ เผยให้ซิกซ์แพ็กสุดเซ็กซี่ของหนุ่มนักกีฬา ผ้าพันคอบุนวมดูนุ่มนิ่ม รวมถึงไอเท็มกลิ่นอาย Nautica อย่างหมวก เสื้อแขนกุด และกางเกงขาสั้นสไตล์กะลาสี . อีกหนึ่งความพิเศษของคอลเล็กชั่นนี้คือลวดลายประจำคอลเล็กชั่นซึ่งถูกออกแบบเป็นพิเศษโดย ‘พิมพ์ จงเจริญ’ จากแบรนด์ Teaspoon ที่โดดเด่นด้านกรตัดกระดาษ จนเกิดเป็นลวดลายที่เพิ่มความสนุกสนานของคอลเล็กชั่นให้สูงยิ่งขึ้น และยังสะท้อน DNA ของ LEISURE PROJECTS ได้อย่างยอดเยี่ยม




NAGARA

แบรนด์ระดับตำนานของวงการแฟชั่นไทยอย่าง NAGARA ส่งงานแฮนด์เมดสุดคราฟต์ มาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้คอแฟชั่น ซึ่งในครั้งนี้ NAGARA ได้เลือกใช้รูปทรง สีสัน และลวดลายอันหลากหลาย เพื่อถ่ายทอดนิยามของโลกตะวันออกตามแบบฉบับของแบรนด์ และแน่นอนว่ายังคงอบอวลด้วยกลิ่นอายโอเรียนทัลอันเป็นเอกลักษณ์เช่นเคย วินาทีที่แสงไฟสาดลงบนม่านเมทัลลิกสร้างความวูบวาบ นั่นเป็นการบอกผู้ชมว่าโชว์นี้จะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน




ตัวเอกของงานนี้คือผ้าไหม ซึ่ง NAGARA ได้เปิดประตูบานใหม่พาผู้ชมไปพบกับการผสมผสานความพลิ้วเข้ากับกลิตเตอร์ งานปักเลื่อม และการเลเยอร์เข้ากับโค้ตขนสัตว์ โชว์แรกๆ มาในชุดผ้าไหมหลากสีที่ฉูดฉาด สะดุดตา ตามสไตล์โลกตะวันออก พร้อมดีเทลการตัดต่อผ้าและการสร้างลวดลายมัดย้อมลงบนผ้าไหม ทำให้สาวๆ ราวกับเป็นผีเสื้อหลากสีสันที่พร้อมจะโบยบิน ก่อนจะส่งท้ายโชว์ด้วยลุคเดรสซีทรูสีขาวแต่งเคปที่สวยงามแบบมินิมัล แต่โดดเด่นด้วยลวดลายสุดพิเศษที่ทำให้คอแฟชั่นอดใจไม่ไหวต้องไปซื้อไว้ติดตู้สักตัว




PAINKILLER Atelier presented by Seiko 5 Sports

PAINKILLER มาพร้อมกลิ่นอายของท้องทะเล ที่ใช้แรงบันดาลใจจากความใกล้ชิดกับท้องทะเลของชาวมอแกนมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเล็กชั่น Sea Gypsy พาผู้ชมดำดิ่งไปกับความงามของมหาสมุทรด้วยการหยิบเอาสีสันแห่งท้องทะเลมาใช้งาน ตั้งแต่สีขาวเบจของทราย สีฟ้าของน้ำทะเล ไปจนถึงสีสันใต้น้ำอย่างสีม่วงของดอกไม้ทะเล และสีเขียวของสาหร่าย นอกจากนี้ยังเพิ่มสีเมทัลลิกลงบนไอเท็มต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดต้องน้ำทะเล สีสันเหล่านี้ถูกถ่ายทอดลงบนไอเท็มสตรีตแวร์ (Streetwear) ที่เป็นดั่ง DNA ของแบรนด์ ผสมผสานไปกับชิ้นงาน Limited Edition




และเพื่อเพิ่มมิติให้กับเครื่องแต่งกายบุรุษ PAINKILLER จึงเลือกใช้เลเยอร์ไอเท็มหลายๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ลุคเท่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของสไตล์สตรีตอย่างเสื้อยืดทับเสื้อแขนยาว แมตช์กับกางเกงทรงโอเวอร์ไซซ์ทั้งขาสั้นและขายาว ไปจนถึงการเพิ่มความเซ็กซี่ด้วยการใช้ผ้าซีทรูมารังสรรค์เป็นเสื้อเบลเซอร์ตัดต่อฮู้ด หรือแม้กระทั่ง Hoody แบบซีทรู ก่อนจะนำมาเลเยอร์ด้วยเบลเซอร์โอเวอร์ไซซ์และกางเกงเบอร์มิวดาในสีเข้าชุดกัน และในเมื่อเป็นชีวิตติดทะเล รองเท้าแตะจึงเป็นไอเท็มที่ขาดไปไม่ได้ ซึ่งถูกเบลนด์ให้เข้ากับลุคสตรีตด้วยถุงเท้าทรงสูง โดยไม่ลืมเครื่องประดับดีไซน์ริ้วที่ให้ความรู้สึกถึงวิถีชีวิตของชาวมอแกนชัดเจนขึ้น เรียกได้ว่า PAINKILLER งัดทุกเทคนิคที่ได้จากประสบการณ์ในวงการแฟชั่นมาใช้งานในคอลเล็กชั่นนี้ ทำให้เราได้เห็นรายละเอียดที่หลากหลาย ทั้งเท็กซ์เจอร์ของเนื้อผ้า ดีเทลคัตเอาต์ ความพิถีพิถันในการตัดเย็บ และลวดลายที่มีทั้งลายกราฟิกและลายมัดย้อมซึ่งเป็นลายไอคอนิกของแบรนด์ จึงนับว่าเป็นคอลเล็กชั่นที่ควรค่าแก่การครอบครอง




POEM Presented by Purra

เมื่อความลื่นไหลทางเพศได้เปิดประตูบานใหม่ให้กับโลกแฟชั่น ความสวยสง่าในงานดีไซน์ของ POEM ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในโชว์ Magical Duality นี้เราจะได้เห็นการผสมผสานงานซิลลูเอตต์สไตล์แมสคิวลีนในแบบ Handcraft Tailoring เข้ากับคอร์เซ็ตและซิลลูเอตอันอ่อนหวานแบบผู้หญิง เพื่อมอบลุคสมาร์ตและมีเสน่ห์ให้กับผู้หญิง โดยมีคีย์เวิร์ด ‘เรียบง่ายแต่ทรงพลัง’ เป็นแกนกลางของโชว์




POEM ต้อนรับผู้ชมด้วยภาพของกาแล็กซี่ที่มีกลุ่มดาวมากมาย เหมือนบอกเป็นนัยว่าต่อไปนี้เราจะได้พบกับความหลากหลายราวกับดวงดาวต่างๆ บนจักรวาล แล้วนำผู้ชมนั่งยานอวกาศเข้าสู่แสงสีขาวบนรันเวย์ สูทสีขาวสไตล์คลาสสิกทั้งชายและหญิงถูกส่งมาเปิดฉาก ก่อนจะเพิ่มดีกรีของงานดีไซน์ด้วยเดรสทรงคอร์เซ็ตเปิดไหล่ เดรสดีไซน์สูทตัดต่อกระโปรงผ้าทูลล์ รวมถึงเดรสประดับเลื่อมเล่นแสงวิบวับที่ตัดด้วยความคอนทราสต์ของเบลเซอร์ไล่ระดับสี




ไอเท็มในคอลเล็กชั่นนี้เน้นให้เห็นสัดส่วนและทรวดทรงของผู้สวมใส่ผ่านงานเทเลอร์สุดเนี้ยบ เป็นการผสมผสานสไตล์แมสคิวลีนเข้ากับสไตล์เฟมินีนได้ลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ยังเบรกความเป็นทางการด้วยกางเกงทรง Wide Leg ที่เพิ่มความชิลให้กับลุค แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์ที่ผู้ชมประทับใจมากที่สุดคือการที่ POEM เปิดพื้นที่ให้กับความหลากหลายอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของเพศ ช่วงวัย รูปร่าง ซึ่งเรียกเสียงปรบมือได้อย่างล้นหลามจนทำให้คำว่า ‘การเฉลิมฉลองให้ความหลากหลาย’ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด และการร่ายมนต์ของ POEM ก็สำเร็จอย่างงดงาม สมชื่อโชว์ Magical Duality


TandT

เมื่อใครๆ ก็ใช้แรงบันดาลใจจากแฟชั่นยุค 90s เป็นวัตถุดิบในงานดีไซน์ TandT จึงขอฉีกมาใช้ ‘Childhood Memories’ เป็นวัตถุดิบในคอลเล็กชั่นนี้ และความทรงจำวัยเด็กที่ถูกหยิบมาเป็นตัวชูโรงก็คือ ‘ตุ๊กตากระดาษ’ ของเล่นที่บ่มเพาะความรักในการแต่งตัวให้กับเด็กยุค 90s




เมื่อก้าวเข้าสู่ที่นั่ง ผู้ชมต่างต้องประหลาดใจกับผู้หญิงในชุดกระโปรงฟูฟ่อง และตัดความหวานด้วยแว่นตาสไตล์ Futuristic ราวกับตุ๊กตากระดาษ ก่อนที่ ‘ธนาวุฒิ ธนสารวิมล’ ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์จะเดินมาจับมือของตุ๊กตาแล้วก้าวเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการอันสนุกสนานไปด้วยกัน ในคอลเล็กชั่นนี้ TandT นำเสนอชุดเดรสฟูฟ่องเพิ่มดีเทลระบาย ตลอดจนมินิเดรสเข้ารูปตัดต่อกระโปรงบัลเลต์ (Tutu) และการใช้สีสันสวยหวาน นอกจากนี้ยังมีการประดับดอกไม้ตามสไตล์ของตุ๊กตากระดาษซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ




แต่ไม่ต้องกลัวว่าคอลเล็กชั่นนี้จะหวานจนเลี่ยน เพราะ TandT คิดมาให้เป็นอย่างดีแล้ว ด้วยการเพิ่มสีสันเปรี้ยวจี๊ดอย่างสีส้มสด สีชมพูนีออน รวมไปถึงการเพิ่มกลิตเตอร์วิบวับให้กับชุด ไม่เพียงแค่ความเปรี้ยว แต่ TandT ยังเพิ่มความเซ็กซี่เข้ามาผ่านการใช้ผ้าซีทรูและดีเทลคัตเอาต์ที่เผยบางส่วนของร่างกายให้ดูน่าดึงดูด ก่อนจะแมตช์ไอเท็มสุดเฟมินีนเหล่านี้เข้ากับรองเท้าบู๊ตสีดำและถุงน่องตาข่าย ซึ่งนับว่าเป็นการสไตลิ่งลุคสุดชาญฉลาด ที่ช่วยเบรกความหวานด้วยไอเท็มกลิ่นอายร็อก สร้างมิติให้กับลุคได้อย่างน่าสนใจ และคงกลายเป็นไอเดียที่สาวๆ สามารถหยิบไปใช้ได้ในชีวิตจริง


VATANIKA presented by Lexus

หลังจากไว้อาลัยอย่างเฟียสๆ ให้กับความรักที่ไม่สมหวัง ตัวแทนของหญิงสาวยุคใหม่ที่ทั้งเปรี้ยวและมีความมั่นใจในตัวเองอย่าง VATANIKA presented by Lexus ก็ร่อนบัตรเชิญให้สาวๆ ได้ก้าวมาเป็นสักขีพยานในงานแต่งแห่งยุค ที่มีทุกอย่างที่สาวๆ ใฝ่ฝัน ดอกไม้สวยๆ เพื่อนเจ้าสาวสุดซี้ ชุดแต่งงานสุดปัง Anything but the Groom มีทุกอย่างโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าบ่าวก็ไม่เห็นเป็นไร VATANIKA เลือกใช้สูทดีไซน์แหวกอกสุดเซ็กซี่ งานปักเลื่อม งานสีคลาสสิกสุดเท่อย่างขาวและดำ รวมถึงเนื้อผ้าเมทัลลิกวับวาว เพื่อแสดงออกว่า ‘ถึงไม่มีเธอ ฉันก็แฮปปี้ได้’ ก่อนจะเปลี่ยน Mood & Tone ของโชว์ให้นุ่มนวล กลายเป็นงานแต่งในฝันที่เต็มไปด้วยชุดเจ้าสาวในดีไซน์โมเดิร์น แม้จะยังยืนพื้นที่สีขาวและมาพร้อมผ้าคลุมหน้าตามธรรมเนียม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเปรี้ยวเก๋น่าสนใจไม่น้อย

รวมถึงชุดเจ้าสาวกลิ่นอายแมสคิวลีนสุดเท่ พร้อมทั้งชุดของแก๊งเพื่อนเจ้าสาวที่ไม่น้อยหน้า กับเดรสเมทัลลิกในสียอดนิยมของงานแต่ง อย่างสีแชมเปญ สีเขียวมิ้นต์ และสีเขียวเสจ ที่ให้ลุคเซ็กซี่เย้ายวนชวนฝัน ไอเท็มทุกชิ้นในโชว์ครั้งนี้ล้วนช่วยเสริมจุดเด่นของผู้หญิง เน้นให้รูปร่างของผู้หญิงสวยยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง ดังเช่นสาวๆ ในงานแต่งครั้งนี้ ที่แม้จะมีแต่แก๊งเพื่อนสาว พวกเธอก็สามารถมีความสุขได้ และงานแต่งนี้ก็อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความประทับใจ






VICKTEERUT

สาวซ่าส์สุดมั่นในเมืองใหญ่ที่มั่นใจในทุกสถานการณ์ ยกทัพมาเยือนรันเวย์ #BIFW2022 คือภาพรวมในคอลเล็กชั่นใหม่จาก VICKTEERUT ที่ทำให้เสื้อผ้าในครั้งนี้มีกลิ่นอายของความเท่และความนุ่มนวลผสมปนเปไปด้วยกัน ทั้งดีเทลการจับเดรป ดีเทลคัตเอาต์แบบเซ็กซี่ หรือการเลือกใช้ไบเกอร์แจ็กเก็ตเข้าคู่กับเสื้อผ้าซาตินที่ดูเฟมินีนขั้นสุด แต่ตกแต่งแบบเท่ๆ ด้วยหมุด ซิป รวมถึงกระดุมโลหะ และยิ่งฉายภาพสาวมั่นในจินตนาการให้เด่นชัดมากขึ้นเมื่อโชว์นี้สะกดผู้ชมด้วยการจัดแสงสีและควันได้ตื่นตาตื่นใจ เข้ากับธีมผจญภัยในเมืองใหญ่จริงๆ




คอลเลคชั่นนี้เลือกใช้สีขาวดำเป็นส่วนใหญ่ อาจจมีการหยอดสีประจำฤดูกาลอย่างส้ม ฟ้า ม่วงพาสเทล เสริมให้ภาพรวมดูมีสีสันมากขึ้น เสื้อผ้าทุกชิ้นของ VICKTEERUT เป็นสไตล์ของสาว Working Woman ที่เอาไป Mix & Match ได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งเชิ้ตคัทติ้งเนี้ยบแฝงดีเทลการจับเดรป และระบายไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป, เสื้อครอปสไตล์บราที่ทั้งดูเท่และเซ็กซี่ไปในตัวเดียวกัน, ไบเกอร์แจ็กเก็ตสีพาสเทล และชุดเดรสผ้าซาตินที่ใส่ออกงานได้แบบไม่เคอะเขิน เชื่อได้เลยว่าถ้ามีเสื้อผ้าสวยๆ ของ VICKTEERUT ติดตู้ไว้ จะทำให้คุณอยากตื่นไปทำงานทุกวันแน่นอน




VVON SUGUNNASIL 

VVON SUGUNNASIL เปิดโอกาสให้คอแฟชั่นได้สัมผัสช่วงเวลา ‘กลางวัน’ ไปพร้อมๆ กับ ‘กลางคืน’ ประสบการณ์สุดพิเศษจากผลงานการดีไซน์ที่อาศัยมุมมองของไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ของผู้คน คอลเล็กชั่นสไตล์เทเลอร์ (Tailor) ที่เลือกใช้ ‘โทนสี’ ในการแทนถึงช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเรียบง่าย หรูหรา และมีมนต์ขลัง โดยยังคงรักษาจุดเด่นด้านการตัดเย็บสุดพิถีพิถันเอาไว้อย่างดีเยี่ยม ความแปลกใหม่นี้ยังแผ่ออกมาถึงรันเวย์ที่ตรงกลางของรันเวย์ถูกเปลี่ยนให้เป็นฟรอนต์โรว์ด้วยการจัดกองฟางเป็นที่นั่งให้กับผู้ชม เพื่อให้สัมผัสกับบรรยากาศของโชว์อย่างใกล้ชิด




VVON SUGUNNASIL เนรมิตโชว์ให้เป็นเหมือน ‘หนึ่งวัน’ ที่เริ่มต้นขึ้นด้วยลุคเสื้อแขนกุดแหวกหลังสีชมพูของท้องฟ้ายามเช้าและกางเกงสีขาวที่เสริมกันของ ‘พีพี’ ก่อนจะใช้สีฟ้าและเทาแบบไล่ระดับความเข้มเพื่อสื่อถึงช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป นอกจากการใช้สีสันแล้ว สูทและเบลเซอร์ดีไซน์เรียบง่ายแต่คลาสสิก รวมถึงเดรสยาวพลิ้วที่มาพร้อมหมอนใบเล็กก็สื่อถึงกลางวันและกลางคืนด้วย โดยมีการเพิ่มดีเทลที่น่าสนใจอย่างปกเสื้อขนาดใหญ่ เชือกผูกเน้นเอวเอส ไปจนถึงลูกเล่นการเลเยอร์ผ้าซีทรูลงบนลุคต่างๆ




อย่าลืม! ชอบลุคไหนก็สามารถเข้าไปช้อปปิ้งหลายๆ ลุคจากรันเวย์ได้แบบทันทีทันใจ ส่งตรงจากงาน #BIFW2022 ให้เกือบครบทุกแบรนด์ รวมไว้ที่ ONESIAM SuperApp ที่เดียว

ดาวน์โหลด ONESIAM SuperApp ได้ที่ https://bit.ly/3M99hRA