BACK TO EXPLORE

คิดถึงสูทโมเดิร์นแต่คลาสสิค คิดถึง P.Mith ทุกครั้งสิ!

บุรุษสุด gentleman ที่วันนี้กล้าจะแต่งตัวให้แตกต่าง

เดินผ่านร้าน P.Mith บนชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์เมื่อไหร่ คิดไว้เลยว่าในตู้เสื้อผ้าเราจะต้องมีเสื้อผ้าของแบรนด์นี้เอาไว้สำหรับใส่ในหลายๆ โอกาสแน่นอน เพราะจุดเริ่มต้นของเขาทั้งสองคนเดินทางมาในสายแฟชั่นได้อย่างน่าสนใจมาก



เราได้เริ่มพูดคุยกับ คุณแบงค์ – ภาคภูมิ มิตรานนท์ และ คุณออโต้ – อนพัทย์ ธนากิจปฐมพงศ์ ว่าพวกเขาเริ่มต้นมาจาก weekend market ที่ฮิตระเบิดอยู่ช่วงหนึ่ง ทั้งที่คุณแบงค์เองเรียบจบแพทยศาสตร์มา!! และคุณออโต้จบด้านการโรงแรม ทั้งคู่มีหัวใจที่รักในการแต่งตัวจริงๆ คุณแบงค์พูดถึงวันแรกของการทำแบรนด์ให้เราฟังได้เพลินมากๆ “เราทำเสื้อเชิ้ตแล้วก็กางเกงขายที่วีคเอนด์มาร์เก็ต ผมจบหมอ ออโต้จบการโรงแรม แต่ผมชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ตัดเย็บเสื้อนักศึกษาเองตลอด เป็นที่เพ่งเล็งของอาจารย์ทุกครั้ง (ฮ่าๆ) อย่างออโต้ก็เป็นคนตัวเล็ก ผมก็ชอบใส่เสื้อผ้าที่ตัวเล็ก เรารู้สึกว่าทำไมไซส์เสื้อผ้าถึงใส่ยาก ดีเทลจากเสื้อที่เราเคยใส่ยังไม่ถูกใจ พอเรียนจบมาแล้วก็เป็นหมอด้านความงามในคลินิค พอมีเวลาก็ไปทำเสื้อเชิ้ตและได้เจอกับออโต้ เราเอามาขายเพื่อนๆ เพื่อนก็ชอบในดีไซน์และแพทเทิร์น จากนั้นไปขายตามวีคเอนด์มาร์เก็ตแล้วขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อ 4 ปีที่แล้วเราได้รู้จักผู้ใหญ่ที่สยามพิวรรธน์ ทราบว่าจะเปิดร้าน Gin & Milk เลยได้มาร่วมกับเขา เราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ”




“ช่วงนั้นหลายๆ แบรนด์จะทำเสื้อผ้าที่มีดีเทลเยอะ แต่ผมอยากได้อะไรที่ใส่ได้ทุกวัน แพทเทิร์นเข้ากับคนเอเชีย บางทีไปดูเสื้อผ้าที่เรียบๆ ก็มีแต่ไซส์ยุโรป เราเลยทำไซส์ที่เข้ากับคนไทยเป๊ะๆ และมีเบสิคไลน์ที่เรียกว่า Brothers เป็นเสื้อผ้าของเด็กผู้ชายที่ใส่ได้ทุกวัน มีเสื้อยืดกางเกงขาสั้น กางเกงขายาวผ้าคอตตอน เสื้อเชิ้ตอ็อกฟอร์ด สูทผ้าคอตตอนใส่ง่ายๆ ส่วนไลน์สูทจะออกมาทุกๆ สปริง/ซัมเมอร์ และ ออทัม /วินเทอร์ ปีละ 2 ครั้ง กับ P.Mith Black เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วน ใช้พรีเมียมคอตตอนและปกอื่นๆ”





คุณออโต้และคุณแบงค์บอกว่าไอเท็มที่ขายดีไม่ใช่แค่สูทอย่างเดียว แต่ยังมีเสื้อคอวี เสื้อคอปาด ที่ใช้การตัดเย็บแบบ tailor-made ซื้อไปหนึ่งชิ้นคือคุ้มเลยในราคาแบรนด์ไทย ลูกค้าใส่แล้วดูทันสมัย เท่ แพทเทิร์นไม่ใหญ่เกินไป เหมาะกับผู้ชายตัวเล็กที่สัดส่วนพอดี



ส่วนแรงบันดาลใจ คุณแบงค์เล่าว่าตั้งแต่ตอนเด็กชอบดูช่อง Fashion TV เป็นงานอดิเรก แต่ที่ตัดสินใจเป็นหมอก็เพราะว่าเพื่อนในกลุ่มเข้าหมอกันหมด ถึงลึกๆ จะรักในแฟชั่นมาก แต่เขาก็สามารถหยิบสิ่งที่ได้เรียนมาใช้อย่างในคอลเลคชั่นออทัม/วินเทอร์ 2017 เกิดจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ “ผมมองว่าคลื่นไฟฟ้ามันมีเสน่ห์และดีไซน์ออกมาเป็นชื่อแบรนด์ P.Mith ได้ เราทำเป็นคลิปติดปกสูทและเป็นสร้อย เป็นชิ้นที่ขายดีมากๆ เลยครับ”


ก้าวขึ้นมาเป็นร้าน P.Mith ที่รวมทุกสิ่งเอาไว้ครบ

หลังจากเปิดเป็นมุมๆ หนึ่งใน Gin & Milk ก็ได้มีร้านเป็นของตัวเองได้อย่างชัดเจน “อยู่ที่ Gin & Milk 3 ปี ห้องตรงนี้ก็ว่างพอดี ผู้ใหญ่ของสยามเลยชวนเรามาเปิดที่นี่ ฟีดแบ็กดีครับ ตอนที่อยู่แบบมัลติสโตร์ 80% จะเป็นสตรีทแวร์ ภาพลักษณ์เราจะเหมือนร้านตัดสูท พอมาเปิดเป็นร้านแล้ว ยอดขายในคอลเลคชั่นมากขึ้น รวมทั้งยังมีลูกค้ามาหน้าร้าน เลือกผ้าสั่งตัด เขาจะสนุกกับการเลือกปก เลือกสาบเสื้อ ผสมกับตรงข้อมือ เราอยากให้เขาไม่รู้สึกว่าเป็นร้านสูทสมัยเก่า อยากให้คนรุ่นใหม่ใส่สูทแล้วเหมือนเป็นผิวหนังชิ้นหนึ่งของตัวเอง ไม่ได้ใส่สูทแล้วรู้สึกว่าเป็นเกราะ สามารถเบลนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง เพราะสูทสมัยก่อนจะรองบ่าหนาๆ แต่ของเราไม่รองเลย เพราะคนรุ่นใหม่จะมีไหล่ที่สวย โครงสร้างร่างกายที่ดีอยู่แล้ว ใช้บ่าของเขาเป็นทรงได้เลย” ลูกค้าของร้าน P.Mith จึงมีทั้งคนไทยที่มาซื้อหน้าร้านและสั่งตัด รวมทั้งกลุ่มว่าที่เจ้าบ่าวที่จะมาตัดช่วงใกล้งานแต่ง ส่วนต่างชาติจะเป็นชาวจีน ฮ่องกง เห็นเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยดีเทลและมีความแฟชั่นได้ลงตัว ซื้อคอลเลคชั่นนี้แล้วแมทช์เข้ากับคอลเลคชั่นหน้าก็ยังได้




P.Mith มีความชัดเจนในคอนเซปท์โมเดิร์น คลาสสิค เป็นสุภาพบุรุษยุคใหม่ที่ชอบแต่งตัว ไม่ได้แฟชั่นมากเกินไปจนมาถึงคอลเลคชั่นล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า “Fascination” ได้แรงบันดาลมาจากนักร้องอย่างเดวิด โบวี่ หยิบสไตล์การแต่งตัวในช่วง 1975-1978 ของเขาที่จะแต่งตัวเนี้ยบๆ ใส่สูท จากคนที่เคยแต่งตัวจัดมาแต่งเรียบๆ เป็นสุภาพบุรุษสุดหรูที่ได้ชื่อว่า The Thin White Duke แต่ด้วยความที่เป็นคอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ P.Mith เลยดึงสีสันสดใส เช่น สีฟ้า สีเหลือง รวมถึงไอเท็มเสื้อคอปาด กางเกงเอวสูง ในวันที่ไม่ได้ใส่สูท หรือใส่สูททับเสื้อคอปาด โค้ทหนังกับเสื้อหนัง ซึ่งทุกคนจะได้เห็นในโชว์ Absolute Siam : Boys Of Bangkok Presented by TrueID ในวันที่ 24 มีนาคม 2561 ที่ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน หรือติดตามได้ใน Facebook : SiamCenter กันเลย