BACK TO EXPLORE

เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ให้ครบทุกด้านที่สยามพารากอน

6 สถาบันที่จะเตรียมพร้อมน้องๆ และเติมเต็มความรู้สำหรับทุกคน

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังอยากเพิ่มทักษะเจ๋งๆ ให้กับลูกที่กำลังจะเติบโตขึ้นในด้านต่างๆ หรือวัยรุ่นวัยทำงานที่อยากเพิ่มเติมความรู้ด้านดนตรีและภาษาก็สามารถมาเยี่ยมชมและสมัครคอร์สที่สนใจกันได้บนแหล่งเรียนรู้ Edutainment Zone บนชั้น 4 สยามพารากอนกันได้เลย...



ร้องเพลงให้เป็นแบบถูกวิธี เพิ่มสมาธิให้เด็ก และเขาจะโตขึ้นมาเป็นเด็กมั่นใจ! ที่ Star Maker Voice Academy

ทั้งหมดนี้เราช่วยสร้างให้ลูกๆ ของเราได้ ที่ Star Maker Voice Academy สถาบันศิลปะการใช้เสียงทั้งร้อง และพูด ของครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต ทั้งเสียงร้อง จังหวะ การฟัง และบุคลิกของลูกเราจะเปลี่ยนไปเลย เขาจะมั่นใจขึ้น กล้าแสดงออก และไม่ว่าเขาจะไปงานไหน ทีนี้ล่ะ! ลูกเราจะกลายเป็นคนร้องเพลงเพราะ เป็นที่จดจำกันไป พ่อๆ แม่ๆ มาสยามพารากอน กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 4A สตาร์ เมคเกอร์ วอยซ์ อะคาเดมีอยู่ที่นั่น!

Star Maker Voice Academy สอนอะไรบ้าง?
เน้นๆ เลยคือสอนศิลปะการใช้เสียง ตั้งแต่การพูด การใช้คำแต่ละคำที่ถูกต้อง ลิ้น ปาก ต้องเป็นอย่างไร จังหวะในการใช้เสียง เน้นคำต่างๆ ไปจนถึงการร้องเพลง ความเก๋าของสตาร์ เมคเกอร์ก็คือสามารถสอนโดยนำทฤษฎีจริงๆ มาเปลี่ยนเป็นภาคปฏิบัติได้ และมีกิจกรรมอย่างอื่นประกอบ เรียนแล้วจะสนุก เอาไปใช้ได้จริง ที่นี่มีครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียงโดยเฉพาะมาสอน และวันที่เป็นมาสเตอร์คลาสส์ ครูอ้วนจะมาเอง เป็นวันที่นักเรียนทุกคนที่เรียนจะมาจัดกิจกรรมร่วมกัน แล้วครูอ้วนจะเป็นเมนเตอร์ จุดแข็งของที่นี่คือครูอ้วนสอนมาสามสิบกว่าปีแล้ว ประสบการณ์ครูคงไม่ต้องพูดถึง เป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศ และที่นี่ได้ขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้ทำการร่างหลักสูตรเอง คิดเรื่องการใช้เสียง ใช้คำ และลีลาต่างๆ เอง ครูอ้วนจะพัฒนาทุกอย่างไปเรื่อยๆ ให้เข้ากับการใช้ชีวิตจริง และสังคมของประเทศเราด้วย

หลักสูตรเต็มๆ ของที่นี่คือ 4 ปี เรียนได้ทั้งแบบกลุ่ม และแบบเดี่ยว มีเด็กบางคนเรียนยาวไป 9 ปีเลยก็มี เรียนที่นี่ไปเรื่อยๆ สิ่งที่ได้คือ เด็กๆ จะมีสมาธิ รู้จักรอ รู้จักฟัง จะกล้าแสดงออก และเข้าสังคมได้ดีขึ้น เขาจะได้ฝึกให้คิดเอง ครีเอทเอง เขาจะมีจินตนาการไปตามเสียงเพลง เหมือนกับเขากำลังได้ปลดปล่อยอินเนอร์ของตัวเองไปด้วย สุดท้ายคือเขาจะมีความสุขแน่นอน เด็กบางคนมาแบบอายๆ ฝึกเรียนกับสตาร์ เมคเกอร์ กลายเป็นเด็กน้อยกล้าแสดงออก มั่นใจขึ้นไปเลยก็มี หรือเด็กบางคนมีปัญหาเรื่องเส้นเสียง เสียงแหบมาก พอมาฝึกการใช้เสียงที่ถูกต้อง กลับเป็นว่าเสียงแหบกลายเป็นเสน่ห์ของเขาไป จนโตขึ้นไปเขากลายเป็นพิธีกรไปเลย

ก่อนจะถึงวันโชว์ไทม์ของเด็กๆ
พอเรียนไปได้สักระยะ เรียนจากทฤษฎี 70% และที่เหลือเป็นกิจกรรมของเด็กๆ ไฮไลท์พิเศษของสตาร์ เมคเกอร์ที่ทุกคนรอคอยกันก็คือวันที่เรียกกันว่า โชว์ไทม์ วันนี้เด็กๆ จะทำกันจริงจังเลย มีเขียนสคริปต์ให้เด็กๆ ต้องแบ่งกันร้อง แบ่งเป็นกลุ่มซ้อมกัน เพื่อมารวมตัวกันแสดงต่อหน้าครูอ้วน จะมีการสร้างสถานการณ์จริง เด็กๆ ก็จะตื่นเต้น แต่เขาก็จะได้ฝึกที่จะควบควมความตื่นเต้นของตัวเองด้วย ก่อนจะถึงวันนี้เด็กๆ ต้องเรียน ฝึก ร้องกันแบบเป๊ะ ต้องเรียนแม้กระทั่งเรื่องยุคของเพลง อารมณ์ของเพลง เพื่อจะให้เขาได้เข้าใจเพลงนั้นได้ลึกซึ้ง ฝึกอินเนอร์ความรักเสียงเพลงให้เขาแบบถึงแก่นกันจริงๆ

ไม่ต้องเป็นเด็กก็เรียนได้
มีหลายคนที่มาเรียนที่สตาร์ เมคเกอร์ เพื่อเอาไปใช้ในการพรีเซนท์งาน พูดหน้าคนมากๆ ออกรายการ หรือที่กำลังฮิตคือเป็นยูทูเบอร์ พอได้ฝึกก็จะละลายความกลัว ความตัวแข็ง เสียงแข็งต่อหน้าคนอื่นไปได้

สนใจมาฝึกใช้เสียงและร้องเพลงที่ Star Maker Voice Academy ชั้น 4A สยามพารากอนหรือโทร. 02-610-9763-4

 

 

แม่ๆ เทรนให้ลูกจีเนียสได้ตั้งแต่เขายังอยู่ในท้อง พาลูกมาเรียนที่นี่เลย Babies Genius

Babies Genius ชั้น 4A โซน Edutainment สยามพารากอน เป็นเหมือนเพลย์กรุ๊ปให้ทั้งแม่ที่กำลังตั้งท้องลูกน้อย และแม่ๆ ที่พาลูกน้อยมาเรียนด้วยกัน มาเรียนแล้วจะเข้าใจว่าทำไมลูกช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ปี ถึงสำคัญมาก!

เราได้คุยกับครูหนุ่ม ครูผู้เชี่ยวชาญเรื่องพัฒนาการของเด็ก ครูหนุ่มเริ่มเปิดประโยคว่า “เราเชื่อว่าความฉลาดสอนได้ เด็กตั้งแต่แรกเกิดสมองพัฒนาได้” ที่เบบี้ จีเนียสจะมีผู้เชี่ยวชาญฝึกทั้งคุณแม่ที่ตั้งท้อง และเด็กๆ เมื่ออายุถึง 6 เดือน ก็มาเล่นเพลย์กรุ๊ปไปด้วยกันได้เลย ตอนที่ไปคุยกับครูหนุ่ม ได้ยินเสียงแม่ๆ หัวเราะเล่นกับลูกดังกันทั้งห้อง เด็กๆ กระโดดไป ตบมือไป ถึงเขาจะแค่ 6-7 เดือนก็ตาม แต่แววตาและเสียงหัวเราะบอกได้เลยว่า เขากำลังเอนจอยช่วงเวลาของเขากับแม่ และเพื่อนๆ

การเรียนของเด็กก็คือการเล่น
ครูหนุ่มย้ำว่าเด็กๆ ที่มาที่นี่ไม่ได้มาเรียนอะไรที่ซีเรียส แต่เด็กๆ ทุกคนจะมาเล่น เพราะ “การเรียนของเด็กก็คือการเล่นของเขานี่ล่ะ เราจะเอาพวกอะไรอะคาเดมิค มาแปลงเป็นการเล่นให้เขา เอาตัวสัตว์ ตัวอักษรมาเล่น เขาแอบได้วิชาการ ได้เรื่องสี เรื่องความเหมือน ความต่างของสิ่งต่างๆ เลยนะ” ที่เบบี้ จีเนียสเน้นให้เอาสิ่งต่างๆ มาแปลงออกมาเป็นการเล่นได้แบบนี้ ก็เพราะข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ฟันธงกันมาแล้วทั้งโลกว่า “สมองของเด็กพัฒนาการได้ดีที่สุดจนถึง 6 ขวบ”

เวลาของเด็ก จะต่างกับเวลาของผู้ใหญ่ เขาถึงต้องเล่นให้เยอะเข้าไว้
อีกทฤษฎีหนึ่งจากเบบี้ จีเนียส ที่ไม่เคยได้ยินจากที่ไหนก็คือเรื่องเวลาในแต่ละวันของเด็ก ครูหนุ่มอธิบายเพิ่มว่า “เด็กเขาจะมีเวลาที่ต่างกับผู้ใหญ่ เด็กแรกเกิดจะต่างกับผู้ใหญ่ 4 เท่า ขาจะเล่น กิน นอนสี่รอบ พอหกเดือนรอบก็จะลดลง เด็กจะตื่นนานขึ้น พอห้าถึงหกขวบนี่ล่ะ เขาถึงมีเวลาชนรอบแบบผู้ใหญ่” แปลว่าถ้าเราไม่ได้ใส่ใจเวลาของเขาไป 1 วัน ก็จะเหมือนเราพลาดเวลาเขาจริงๆ ไป 4 วันแล้ว เวลาเล่นในแต่ละช่วงวันของเขาเลยสำคัญ มันทำให้เขาเกิดการเรียนรู้ตลอด

ฝึกเรียนที่นี่จะได้ความฉลาด 8 ด้าน
และถ้าแม่ๆ ไม่สามารถครีเอทีฟหาวิธีเล่นกับลูกได้ตลอดเวลา ที่เบบี้ จีเนียสจะมีไกด์ที่ดีให้ เอาไปฝึกกับลูกต่อเองที่บ้านได้อีก ครูหนุ่มเล่าต่อเรื่องฝึกความฉลาดว่า “ถ้าพาลูกๆ มาฝึกที่นี่ เขาจะได้ความฉลาดกลับไป 8 ด้าน คือเขาจะได้พัฒนาการของสมองซีกซ้าย และซีกขวา คือสมองซีกจินตนาการ และโลจิค ที่ไอสไตน์ฉลาดก็เพราะเขาบาลานซ์สมองสองซีกของเขาได้ดีนี่ล่ะ” ไอเดียนี้น่าสนใจมาก ยิ่งในโลกปัจจุบัน และโลกอนาคตของลูกๆ เรา ต่อให้เป็นนักวิชาการฉลาดแค่ไหน แต่ถ้าขาดครีเอทิวิตี้ ก็อาจจะไม่ไบรท์เท่าที่ควร ที่เบบี้ จีเนียสเลยตอบโจทย์ตรงนี้ของเด็กๆ

เบบี้ จีเนียสสอนอะไรเพื่อพัฒนาสมองทั้งสองซีก?
เบบี้ จีเนียสจะทำหลักสูตรการสอนที่เบลนด์สมองซีกวิชาการ และครีเอทิวิตี้เข้าด้วยกัน “เราจะสอนเรื่องเลข ภาษาเป็นทางวิชาการ และก็จะสอนเรื่องร้องเพลง ให้สมองอีกซีกของเขาด้วย” เด็กๆ จะชอบท่วงทำนองสูงต่ำ และถ้าสอนเรื่องเลขเป็นรูปภาพ เด็กๆ ก็จะเข้าใจได้ดี ครูหนุ่มบอกว่ามั่นใจมากว่าวิธีการสอนของเบีบี้ จีเนียสได้ผลจริงๆ จะเหมือนเป็นการเตรียมสมองให้พร้อม เพื่อรอพัฒนาต่อไป

พิเศษมากอีกอย่างคือที่เบบี้ จีเนียสสามารถฝึกเด็กๆ ให้ไปโรงเรียนได้แล้วไม่ร้องไห้ด้วย ถามว่าครูฝึกยังไง “เราฝึกตั้งแต่ว่าทำไมเขาถึงร้องไห้ ก็เพราะเขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เขาคิดแค่สองเรื่องก็คือ แหล่งอาหาร และความปลอดภัย เราจะฝึกให้เขาทำอะไรด้วยตัวเอง และคอยอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาก็จะเกิดความมั่นใจ และเห็นว่าเรื่องไปโรงเรียนเป็นเรื่องที่โอเคสำหรับเขาได้”

ที่นี่ฝึกทั้งวินัย วิชาการ ครีเอทิวิตี้ ภาษา พ่อแม่เข้ามาเล่นกับลูกได้อีก และอยู่ที่ชั้น 4A สยามพารากอน พ่อแม่ไปเดินเล่น ทานข้าวได้สบายใจ มีความสุขกันครบทั้งวัน นัดเพื่อนอุ้มลูกมาเม้าท์กันเรื่องแม่ๆ แฮปปี้กลับบ้านกันไป

แม่ๆ ที่สนใจให้ลูกมาเรียนที่ Babies Genius ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2610-9785 และ 081-373-8110 หรือ www.babiesgenius.com

 

 

คอร์สเรียนดนตรีควรเรียนตั้งแต่ 4 ขวบ จะช่วยสร้างพัฒนาการของเด็กมากที่สุด

ในศูนย์การค้าสยามพารากอน นอกจากจะมีร้านอาหาร ร้านแฟชั่นท้อปๆ ระดับโลกแล้ว ขึ้นลิฟท์มาชั้น 4 ฝั่ง South คุณจะเจอกับศูนย์การศึกษาของเด็กๆ โซน Edutainment เป็นอีกโลกหนึ่งที่พ่อแม่จะต้องพาลูกๆ มาเริ่มต้นวันเสาร์อาทิตย์กันที่นี่ตั้งแต่ 10 โมงเช้า และสถาบันดนตรียามาฮ่า คือโลกแห่งเสียงเพลงของเด็กๆ ที่จะทำให้เขาโตมามีพัฒนาการที่ดีไปได้ทั้งชีวิต

คอร์สที่ทางยามาฮ่าแนะนำว่า ถ้าใครมีลูกอายุเข้า 4 ขวบ ควรให้ลูกเรียนเลยชื่อว่า Junior Music Course ครูกิ๊ด พจนี วัฒนมงคล ครูของสถาบันดนตรียามาฮ่าบอกว่า “เด็กที่เรียนคอร์สนี้ เขาจะร้างเพอร์เฟ็คท์ พิทช์ให้ตัวเองตั้งแต่เด็ก โตขึ้นเขาฟังโน้ตอะไร จะรู้เลยว่าคือตัวอะไรได้” เพราะทางยามาฮ่าของญี่ปุ่นเขาศึกษากันมาแล้วว่า เด็กอายุ 4-6 ขวบ จะมีพัฒนาการด้านระบบประสาทการฟังสูงที่สุด เด็กๆ จะจดจำเสียงหรือคำต่างๆ ได้ดี วัยนี้เราเลยจะอึ้งมากเวลาลูกฟังเพลงแค่ไม่กี่ครั้ง แล้วเขาร้องตามได้เลย และถ้าได้สนับสนุนลูกต่อ เขาก็จะมีพื้นฐานด้านดนตรีที่แน่นขึ้นมาได้ และทางยามาฮ่า มิวสิคของที่ญี่ปุ่นเขาคิดค้นมา ได้รับการยอมรับมา 40 ปีจากทั่วโลกมาแล้ว

หัวใจของคอร์สนี้ ครูกิ๊ดเล่าต่อว่า “คือเราเน้นการเรียนที่เหมาะกับพัฒนาการช่วงวัยของเด็ก วัยนี้เราก็เลยเริ่มสอนทักษะการฟังให้เด็กๆ ฟังเป็นเป็นอย่างแรก และจะเริ่มเป็น ร้อง เล่น อ่าน และเขียนต่อมา จนถึงเด็กๆ จะสามารถแต่งเพลงเองได้เลย” สิ่งที่ครูสอนก็คือตั้งแต่ชั่วโมงแรก เด็กๆ จะได้เรียนรู้ที่จะฟังคำสั่ง ทุกคนจะฟังครู เช่น ครูจะบอกว่า ให้ลุกขึ้นมาเต้น มาร้องแบบนี้นะ ฟังเสียงดนตรีแบบนี้ ครูจะเล่นเพลงที่เด็กๆ ร้องตามได้ เด็กๆ ก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น “เราจะสอนด้วยว่าแต่ลเพลงจะสื่ออารมณ์แบบไหน เด็กๆ จะเข้าใจบทเพลงลึกซึ้ง และเพลงภาษาอังกฤษก็มีเนื้อเป็นภาษาไทย มีจับคู่คำร้องกับเสียงเพลง เช่น ขนม ปัง กรอบ ก็เป็น มี เร โด”

พอสอนฟังเสร็จ ก็จะเริ่มสอนเด็กๆ ร้อง หลักสูตรของที่นี่จะเป็นแพทเทิร์นเลยว่า ถ้าเด็กๆ เขาตั้งใจฟัง เขาจะร้องตามได้เอง ครูจะอธิบายวิธีการหายใจประโค อารมณ์เพลงสื่อยังไง ครูกิ๊ดบอกว่า “วัยนี้เขาเร็วมาก แค่ระดับคีย์เพิ่มเสียงขึ้นมานิดเดียว เขาจะรู้เลยว่าถูกคีย์มั้ย โตๆ ขึ้นมาเด็กที่เรียนหลักสูตรนี้ก็จะมีเพอร์เฟ็คท์ พิทช์ เขาจะแกะโน้ตออกมาเองได้เลย”

ร้องแล้วก็จะเริ่มเล่นจากคำร้อง เขาจะเล่นได้เลย ยิ่งร้องได้ละเอียด เขาก็จะเล่นได้ละเอียดขึ้น เด็กเล็กๆ ยังไม่สามารถอ่านหนังสือได้ และจะเบื่อ ครูก็เลยจะสอนให้เล่นก่อน แล้วพอเล่นได้ ก็จะเริ่มสอนตัวโน้ต ว่าสิ่งที่เล่นไป ใช้โน้ตตัวนี้นะ มีสอนเขียนบรรทัด 5 เส้น สอนเรื่องสัญลักษณ์ต่างๆ ของดนตรีด้วย เสร็จแล้วเด็กๆ ก็จะมาเขียนกัน เพราะกล้ามเนื้อเขียนจะพัฒนาไปตามระบบที่โรงเรียนด้วย แล้วเวลาเรียนจะเรียนอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เรียนกันเป็นกุล่ม ก็จะช่วยเสริมพัฒนาการทางสังคมให้กับเด็กๆ และที่น่าสนใจมากๆ คือพ่อกับแม่เข้าไปเรียนด้วยได้

สิ่งที่เด็กๆ จะได้จากการเรียนคอร์สนี้ต่อไป ครูกิ๊ดบอกว่า “เขาจะเป็นคนฟัง ทั้งฟังที่พ่อแม่บอก และฟังสิ่งต่างๆ รอบตัว เขาจะใช้อารมณ์ฟัง ใช้ความรู้สึก แล้วพอสนุก เขาก็จะมีความรักดนตรี อยากเล่น อยากแสดงออก อยากแต่งเพลง ดนตรีทำให้เด็กๆ มีสมาธิ นิ่งขึ้น อ่อนโยน” ในที่สุดดนตรีจะทำให้ทั้งสมองของหัวใจเด็กๆ ตื่นตัว มีจินตนาการ และทำให้กลายเป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีในอนาคตได้เลย

Yamaha Music School อยู่ที่ชั้น 4 โซน Edutainment ฝั่ง South ศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดทำการวันอังคาร – ศุกร์ 10:00 – 20:00 น. และเสาร์-อาทิตย์ 09:00 – 20:00 น. โทร. 0-21294500-3 Line ID: yamahaparagon Email: yamahaparagon@gmail.com

 

 

เปิดโลกการศึกษาเชิงวิชาการ สนุกอัดแน่นความรู้ที่ New Education World

นอกจากที่โซน Edutainment ชั้น 4 และ 4A ของสยามพารากอน จะมี หลากหลายสถาบันการศึกษา ทั้งร้อง เรียน เล่น เต้น เสริมความรู้สำหรับเด็กๆ แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถาบันใหม่ล่าสุด ระดับท็อปของเมืองไทย ที่เพิ่งเข้ามาเปิดในโซนนี้  ให้น้องๆ นักเรียน นักศึกษาในระดับที่โตขึ้น ได้เรียนภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการ เพื่อการสอบและเรียนต่อเป็นหลัก โดยเน้นความรู้ แต่ไม่ทิ้งความสนุก กับสถาบัน New Education World

หากใครที่กำลังมองหาการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในเชิงวิชาการ ไม่ว่าจะใช้เพื่อสอบภาษาอังกฤษ หรือจะเพื่อเรียนต่อภาคอินเตอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีอายุ 15 ปีขึ้นไป New Education World คือคำตอบ มาเปิดโลกการศึกษาแบบใหม่ไปด้วยกัน  กับ คุณธรรม์ธนลาภ ลาภรวย Business Development Manager มาเล่าให้ฟังถึงหลักสูตรไฮไลท์ของที่นี่ อย่าง English Academic Passport  หลักสูตรสอนภาษาอังกฤษแนววิชาการเข้มข้น สำหรับการเข้าเรียนอินเตอร์ต่อทั้งในไทยและต่างประเทศที่สถาบันชั้นนำ ครบถ้วนทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน แนววิชาการ ไม่ว่าจะเขียนรายงานหรือวิทยานิพนธ์ การฟังเลคเชอร์ การจดโน้ตที่ถูกต้อง การพูด Presentation แนววิชาการ ให้ลุคดู Professional การอ่าน Text Book ก็มีสอนครบ นับเป็นสกิลการสอนภาษาอังกฤษในระดับสูงเลยทีเดียว

รวมถึงในเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อภาคอินเตอร์ ก็มีหลักสูตรตัวท็อปอย่าง Examination Preparation การเตรียมตัวสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น IELTS, TOEFL, TOEIC และอื่นๆ ครบวงจร รับรองว่าได้คะแนนค่อนข้างดีกลับมาแน่นอน เพราะการันตีได้จากหลักสูตรคุณภาพที่ใช้จากมหาวิทยาลัย RMIT ที่เมลเบิร์น ซึ่งอยู่ในระดับท็อปของโลก โดยได้อาจารย์ Native ชาวบริติช อเมริกัน และออสเตรเลียน ประสบการณ์การสอน 10 ปีขึ้นไปมาสอน แบบได้คุณภาพเน้นๆ

คิดดูว่าเจ๋งขนาดไหน เพราะหลักสูตรเหล่านี้ยังได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองไทยอีกหลายแห่ง ที่นำหลักสูตรและให้อาจารย์จากที่นี่ไปสอนนักศึกษาของเขาด้วย ตอบโจทย์การเรียนภาษาอังกฤษทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศจริงๆ

แต่หากใครอยากมาเรียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ก็มีสอน General English และ Business English ด้วย รวมถึงหลักสูตรที่มีเฉพาะที่นี่ อย่าง Aviation English ภาษาอังกฤษสำหรับการบิน เพื่อบุคลากรทางด้านการบิน สามารถเอาไปใช้งานจริงได้แบบ Professional  เป็นความแตกต่างที่ตอบโจทย์ได้หลายกลุ่ม

ด้วยคุณภาพและประสบการณ์ New Education World จึงเป็นสถาบันการศึกษาภาษาอังกฤษแนววิชาการระดับท็อป ที่ให้ทั้งความรู้และความสนุกให้กับน้องๆ ได้ไม่รู้เบื่อ ตั้งอยู่ชั้น 4A โซน Edutainment สยามพารากอน โทร. 02-657-6055 FB: Neweducationworld

 

 

“พรสวรรค์ด้านดนตรีสร้างได้” พาเด็กๆ มาค้นหาตัวเองตั้งแต่วันนี้ที่ College of Music Mahidol University

อย่าประมาทในการรับรู้ของเด็กๆ ตั้งแต่วัย 3 ขวบขึ้นไปเป็นอันขาด พวกเขาเก่งกว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะคาดคิด นี่คือความรู้สึกแรกที่เราได้คุยกับอาจารย์พูนสันต์ เตียรถ์ชัยวานิช จากโครงการศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาศูนย์การค้าสยามพารากอน ทำให้ทุกคนลืมไปเลยว่าความอัจฉริยะจะเกิดขึ้นกับคนบางคน เพราะการเรียนดนตรีที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญทำให้ไม่ว่าเขาจะโตไปทำอาชีพอะไรหรือเรียนดนตรีเฉพาะทางด้านไหน สิ่งนี้จะฝังอยู่ในจิตวิญญาณของลูกๆ ไปตลอดชีวิตได้เลย

ให้ลูกๆ ได้รู้จักเครื่องดนตรีที่หลากหลาย
อาจารย์พูนสันต์เล่าว่าทางโครงการฯ เปิดสอนทั้งดนตรีไทยและสากล เช่น เปียโน กีตาร์ ไวโอลิน เครื่องเป่า กลองชุด ดนตรีไทยและร้องเพลง เด็กๆ ส่วนใหญ่จะเรียนเปียโน ไวโอลินและร้องเพลงบ่อยมากที่สุด แต่ที่แปลกที่สุดก็คือมีคนสนใจเรียนดนตรีพื้นบ้านอย่างปี่ชวา! ทางโครงการฯ ก็จะพยายามหาอาจารย์มาให้ได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เองก็ต้องมาคุยได้ว่าสนใจดนตรีด้านไหนกันบ้าง แต่บอกเลยว่าความเชี่ยวชาญในการสอนของโครงการศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล แตกต่างจากสถาบันดนตรีอื่นแน่นอน เพราะอาจารย์ที่สอนทุกท่านจะมีปริญญาจบมาทางด้านดนตรีกันทุกคน รวมทั้งดูวุฒิภาวะของคุณครูด้วย ทางโครงการฯ จะมีเกณฑ์มาตรฐานของทางวิทยาลัยที่คุณพ่อคุณแม่เชื่อใจได้แน่นอน

เรียนดนตรีแล้วได้อะไร?
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงคิดว่าดนตรีเป็นแค่เรื่องไม่สำคัญสำหรับเด็กเล็กๆ แต่ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่กลับยิ่งใหญ่และให้ผลดีกับลูกของเราในเกือบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่เด็กๆ ที่มาเรียน 3 ขวบครึ่งถึง 5 ขวบครึ่งที่นี่จะมีคลาสดนตรีพื้นฐานสำหรับเด็ก กล้ามเนื้อชิ้นเล็กๆ ของเขาอาจจะยังไม่พร้อม แต่ประสาทการรับฟังของเขาดีมาก!! จึงเป็นห้องเรียนทฤษฎีสำหรับเด็กตัวน้อยให้รู้จักฟังโน้ตตัวต่างๆ ออก หลังจากนั้นก็จะมีหลักสูตรต่อเนื่องเป็นเปียโนกลุ่ม เมื่อร่างกายพร้อม อาจารย์จะให้เด็กๆ เอาทฤษฎีที่เรียนไปปฏิบัติ พวกเขาจะต่อยอดได้พิเศษกว่าเด็กที่มาเรียนเดี่ยวแบบก้าวกระโดดมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะเปียโนเป็นพื้นฐานเห็นทุกคีย์ ต่อจากนั้นไปจะเรียนเปียโนต่อหรือเลือกเครื่องดนตรีอื่นต่อก็ได้

นอกจากนี้ดนตรียังเข้าไปพัฒนาเด็กๆ ในอีกหลายๆ ด้านอย่าง...
- พวกเขาได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
- มีวินัย เพราะต้องกลับไปซ้อม มาเรียนสม่ำเสมอ ลูกๆ จะต้องชอบแน่นอน คุณพ่อคุณแม่ก็จะมีเวลาที่ใช้กับเขาช่วยเหลือลูกๆ อาจจะถ่ายคลิปส่งมาให้คุณครูดูว่าเล่นถูกมั้ย เพราะดนตรีคือการฝึกฝน จะมีการบ้านให้ทุกครั้ง
- ช่วยเรื่องสมาธิ เด็กๆ รู้จักตั้งใจเรียนตลอดชั่วโมง
- มีความภูมิใจในตัวเองว่าสามารถเล่นเพลงนี้ได้ ร้องเพลงนั้นได้
- ใช้ความสามารถพิเศษในการสอบเพื่อขอทุนต่างๆ ได้
- ดนตรีช่วยยกระดับผู้เรียน เด็กๆ จะอารมณ์ดี จิตใจดี มีความสุขอยากให้คนรอบข้างมีความสุข
- เด็กๆ ที่มีปัญหาติดมือถือ ติดเกมส์ อารมณ์ร้อนก้าวร้าว มาเรียนแล้วทำให้หลุดออกหน้าจอมือถือ อาจารย์พูนสันต์เล่าว่ามีเด็กที่ก่อนเรียนจะขี้โมโหโวยวาย แต่พอเรียนถึงจุดหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นเด็กเรียนเก่งไปเลย

เปิดอิสระให้ดนตรีที่เขารัก
นอกจากเปียโนที่เป็นพื้นฐาน เด็กๆ เราอาจสงสัยว่าแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเด็กแต่ละคนเหมาะกับเครื่องดนตรีอื่นๆ อะไรอีกบ้าง อาจารย์พูนสันต์แนะนำว่าให้ดูจากวัย สรีระร่างกาย และกิจกรรมที่โครงการฯ ทำ เช่น โชว์ต่างๆ เป็นตัวกระตุ้นแรงบันดาลใจเล็กๆ เพราะเด็กๆ บางคนไม่เคยได้ยินเสียงแซคโซโฟนในชีวิต ก็ตอบไม่ได้ว่าอยากเล่นหรือเปล่า พอเขามาดูคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่ต้องเสียเงิน พอเห็นและสัมผัส เขาจะตอบได้ เมื่อเขาชอบ เขาจะทำได้ดี ทางโครงการฯ ยังมีให้ทดลองเรียน และลงอีกหลายวิชาที่ชอบ

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเวลาที่จะเรียน เลือกคุณครูได้ด้วย ถ้าไม่พอใจก็สามารถเลิกเรียนได้ เพราะจ่ายเงินเป็นรายชั่วโมง แต่เพื่อความสะดวกทางโรงการฯ จะเก็บค่าเล่าเรียนเป็นเทอม เทอมละ 3 เดือน แล้วการที่มาเลือกเรียนที่สาขาในศูนย์การค้าสยามพารากอน คุณพ่อคุณแม่มาจอดรถแล้วเดินเล่นรอระหว่างลูกๆ ไปเรียน ห้องเรียนได้มาตรฐานทุกห้องเก็บเสียง ไม่รบกวนกัน

ต่อยอดเอาดีด้านดนตรีได้อีกไกล
โครงการศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะมีสอบวัดระดับเป็นหลักสูตรของวิทยาลัย มีกรรมการแต่ละเครื่องดนตรี แบ่งการเรียนเป็น 3 ระดับคือ Beginner, Intermediate และ Advance ซึ่งแต่ละระดับจะมีการสอบตลอดทุกเครื่องดนตรีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ สามารถนำคะแนนไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระดับ ม.4 และปริญญาตรีได้ด้วย

จุดเด่นอีกอย่างคือส่วนใหญ่นักเรียนที่ต้องการเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์มาติวที่นี่ คอร์สติว Intensive Course 10 วันจะมาเรียนพื้นฐานที่นี่ สามารถใช้สอบได้ทุกที่รวมทั้งในต่างประเทศด้วย แอบบอกว่านักดนตรีที่มีชื่อเสียง น้องๆ จาก The Voice Kids หลายคนรวมทั้งคนดังอย่างคุณเก้ง-จิระ คุณหนูนา-หนึ่งธิดา คุณเต๋อ-ฉันทวิชช์ และคุณซันนี่ก็มาเรียนที่นี่ด้วยนะ แปลว่าแค่มีใจรักดนตรี ก็เริ่มต้นสร้างพรสวรรค์กันได้ทุกคนที่โครงการศึกษาดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 4A โทร. 02-129-4542-6 หรือ www.facebook.com/mcgpparagon/

 

ภาษาจีน-ญี่ปุ่นทำให้เด็กไทยโตได้ไกลอย่างไร้พรมแดน โรงเรียนสอนภาษาที่เน้นเข้าใจวัฒนธรรมโลกตะวันออกควบคู่กันไป

ถ้าใครได้ทำงานอยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน ไม่ว่าจะท่องเที่ยว ซื้อขายของหรือดีลงานด้านออนไลน์ ใครพูดจีนได้ก็มีภาษีมากกว่า เป็นที่ต้องการตัวของหลายบริษัท แล้วทำไมเราจะไม่เริ่มภาษาที่ 3 ซึ่งใกล้ตัวเรามากและตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์ในการทำงานของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เสริมความเก่งของตัวเองขึ้นมาด้วยการเรียนภาษาจีน จะใช้เวลาตอนเย็นหรือวันเสาร์อาทิตย์ นั่งรถไฟฟ้ามาที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่นี่มี “โรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออก” หรือ OKLS เพราะไม่ใช่แค่ภาษาแต่เราจะได้เรียนวัฒนธรรมไปด้วยกัน

หลังจากมาสำรวจครั้งนี้เราได้คุยกับอาจารย์ฐากูรภัสส์ ภัทรสินอังกูร อาจารย์เล่าว่าเด็กๆ ที่จะมาเริ่มเรียนภาษาจีนก็ควรเริ่มไปตามกระบวนการ คุณพ่อคุณแม่อาจจะพาลูกมาเรียนได้ตั้งแต่ 4-5 ขวบ จะเป็นเร็วมาก เพราะได้เรียนไปในเชิงกิจกรรม เรียนเรื่องสี วาดรูปเป็นภาษาจีนสำหรับเด็ก “เด็กๆ ยังไม่มีสมาธิกับการเขียนหรือฟังที่ต้องอธิบาย ส่วนใหญ่เราจะเรียนร้องเพลง ฟัง พูด พูดตามครู แต่พอเด็กโตขึ้น ป.5-6 เริ่มสอนเขียนตามลำดับเส้น วิถีของเส้น รากศัพท์ในภาษาจีน ตัวอักษรจีน คือเอารูปภาพประกอบกันเป็นหนึ่งตัวอักษร เราเรียกว่ารากศัพท์ เช่น เธอ เขา เป็นสรรพนาม ก็จะมีรากศัพท์แฝงที่ใช้ตัวเดียวกัน การจำมีหลักการ เพราะรากศัพท์ประกอบกันอยู่ เรียนไปประมาณ 2 เดือนก็ได้แล้ว” อาจารย์ฐากูรภัสส์ยังบอกอีกว่าไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นที่จะได้ผล เพราะผู้ใหญ่มาอายุ 40-50 ก็เรียนได้

อาจารย์ที่โรงเรียน OKLS จะมีความเป็นครูสูงมาก สามารถมองได้ว่าคนที่เรียนมีลักษณะเป็นยังไง ถนัดฟัง พูด อ่าน เขียน อาจารย์บอกว่า “เราจะจับจากการสื่อสารของเขา คือการพูดคุยในคลาสก็ถามแบบตรงๆ ถ้าจะเรียนฟังพูดก็โอเค แต่ก็จะบอกว่าต้องเขียนเป็นด้วย ต้องทำเทสต์ ก่อนที่จะเขียนเป็นต้องอ่านได้ คุณครูของที่นี่จะถูกส่งไปสอนตามโรงเรียนข้างนอกชั้นประถมหรือมัธยม แล้วส่งครูไปเรียนต่อปริญญาตรี โทด้านการสอน มีใบประกอบวิชาชีพครูเกือบทุกคน คุณครูต้องทำให้คนอื่นเข้าใจ เรามีมาตรฐานที่พัฒนาครูอย่างเป็นระบบระเบียบ เป็นสถาบันที่ผลิตครูด้านนี้ทั้งครูไทยและครูจีนที่สอนระดับมหาวิทยาลัยก็มี”

เข้าใจถึงสังคมและวัฒนธรรม
อาจารย์ฐากูรภัสส์ยังย้ำอีกว่า “เราไม่ได้วัดที่ใครพูดจีนเก่งกว่ากัน เราต้องรู้วัฒนธรรมและนิสัยของคนจีนด้วย เราจะยิ่งโดดเด่น คือต้องมีอะไรที่เด่นกว่าคนที่พูดจีนทั่วๆ ไป ถ้าสอนฟังพูดอ่านเขียนที่ไหนก็เรียนได้ แต่สิ่งหนึ่งที่สอนไม่ได้คือประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สังคมคนจีนชอบไม่ชอบอะไร นั่นคือเสน่ห์ของการเรียนจีนกับเรา” การเรียนที่ OKLS คุณครูจะคุยกับนักเรียนก่อนแล้ว หลังจากสอนไปในคลาสแรกๆ คุณครูจะรู้ว่าเด็กถนัดอะไร ก็เริ่มแบ่งกระบวนการฟังพูดอ่านเขียน รู้จักการวางตำแหน่งของลิ้น จะพูดยังไงให้มีความเป็น Chinese accent

ความสนุกที่อาจารย์ฐากูรภัสส์ได้เจอคือสอน 3 ชั่วโมง มีเวลาพักเบรคแต่นักเรียนไม่ยอมไปเบรคเลย เพราะเวลาที่เด็กๆ เรียนอะไรเข้าใจแล้วจะรู้สึกว่าไม่เหนื่อยเลย คุณพ่อคุณแม่ที่ส่งลูกๆ มาเรียนก็เพื่อให้ลูกได้ค้นพบว่าชอบอะไร บางคนอาจจะทำได้ดีหมดทุกวิชาหรือบางคนอาจจะดีแค่บางอย่าง แต่สิ่งเหมือนกันก็คือเขาได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรจริงๆ

OKLS คือโลกแห่งภาษาและความรู้ในโลกตะวันออก
นอกจากภาษาจีนแล้ว โรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออกยังมีคอร์สภาษาญี่ปุ่น ดนตรีกู่เจิงและวาดภาพพู่กันจีน โดยศิลปินชาวจีนอีกด้วย โดยมีตั้งแต่รุ่นเด็กเล็กไปจนถึงบุคคลทั่วไป

โทรติดต่อสอบถามได้ที่สาขาศูนย์การค้าสยามพารากอน โทร. 0-2610-9724-6