BACK TO EXPLORE

Royal Project Gastronomy Festival at Siam Paragon

10 ซูเปอร์ฟู้ดของไทยเรา ตรงจากดอยโครงการหลวง มาเจอกันที่สยามพารากอน!

มหัศจรรย์ใจทุกครั้งที่ได้เห็นผลผลิตไม่น่าเชื่อที่ปลูกกัน วิจัยกันสดๆ จากยอดดอยของโครงการหลวง ทั้ง เคป กูสเบอร์รี่ อะโวคาโด ฟิก เห็ดพอตโตเบลโล่ มะเขือเทศเชอร์รี่ และล่าสุดน้องใหม่มาแรง “ควินัว” และ “ปลาเรนโบว์ เทราท์” ทั้งหมดเป็นอาหารที่ชาวโลกเรียกกันว่า “ซูเปอร์ฟู้ด” คือในอาหารหนึ่งชนิด จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าหนึ่งอย่าง และเพื่อให้ชาวไทยได้ลิ้มลองผลผลิตซูเปอร์ฟู้ดกันได้ถึงบ้าน โครงการหลวงได้ร่วมกับสยามพารากอน จัดงาน ‘Royal Project Gastronomy Festival at Siam Paragon’ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคม 2561 นี้ มีผลผลิตมากมายจากโครงการหลวงมาให้ทุกท่านได้เลือกซื้อกันอย่างเต็มที่






พิเศษไปกว่านั้นก็คือ ร้านอาหารดังๆ ในสยามพารากอนหลายร้าน ได้นำผลผลิตซูเปอร์ฟู้ดนี้ มาเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักปรุงเป็นอาหารเมนูใหม่ ทั้งสด ทั้งอร่อยกันเต็มๆ หาทานที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้ว ที่สยามพารากอนเท่านั้น จนถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2561

และเมื่อวันที่ 12-14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สยามพารากอนและสื่อมวลชนได้เดินทางขึ้นเหนือ เข้าไปรู้จักกับผลผลิตซูเปอร์ฟู้ดของโครงการหลวงกันใกล้ๆ พร้อมกับ ‘เชฟโอ๊ะ คุณหฤษฎ์ เวชากุล จากร้าน Another Hound Café’ และ ‘เชฟนนท์ นนทวรรธ โรจนศักดิ์ชัย จากร้าน Brix Dessert Bar’ ทั้งสองเชฟได้ขึ้นไปปรุงอาหารที่ใช้ผลผลิตจากโครงการหลวง ให้ได้ชิมกันถึงรส เรียกน้ำย่อยก่อนงานจริงเป็นอันมาก







พร้อมกับที่ทั้งคณะได้เดินทางต่อไป เพื่อดูไร่เกษตรหลวงต่างๆ ของโครงการหลวง ทำให้เราได้เข้าใจหัวใจของโครงการหลวงกันอย่างแท้จริง ระหว่างทริปมีแอบน้ำตาไหลเมื่ออาจารย์นักวิจัยได้เล่าถึงจุดมุ่งหมายที่สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวงนี้ขึ้น สิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ผ่านมาเป็นเวลา 50 ปี ทุกองค์ความรู้กลายเป็นผืนป่าที่มีพืชผลให้ทั้งคนและสัตว์ยังชีพได้ นำไปขายได้มาเป็นรายได้เลี้ยงดูทั้งครอบครัว คนเลิกปลูกฝิ่น ลูกๆ หลานๆ ได้เรียนหนังสือ และไม่ต้องไปทำงานที่ไหนไกล พืชผลที่นี่เพียงครอบครัวละ 7 ไร่ที่ได้เป็นเจ้าของ ก็สามารถดูแลกันได้จากรุ่นสู่รุ่นไปเรื่อยๆ ทั้งหมดคือหัวใจของความเพียงพอ การใช้ธรรมชาติที่มีมาหมุนเวียน การไม่ทำลายธรรมชาติ แต่จะต่อยอดให้ได้ประโยชน์มากขึ้น โครงการหลวงคือพระปรีชาสามารถของพระองค์ที่มีต่อประชาชนชาวไทย ทำให้พื้นที่บนที่ราบสูงเกิดความเจริญอย่างพอเพียง ใครจะคิดว่าโครงการหลวงจะเลี้ยงปลาเทราท์ และปลาสเตอร์เจียนอันมีราคาสูงได้ แต่โครงการหลวงก็ทำสำเร็จ

อาจารย์ และนักวิชาการทุกคนร่วมใจกันสานต่องานของพระองค์ท่าน และนำองค์ความรู้ที่วิจัยกันได้มาหลายสิบปี มาเผยแพร่กับเกษตรกร ทุกคนมีหลักการเพาะปลูก ถ้าฝนเยอะก็จะมีวิธีต่อสู้กับฝน ถ้าฝนน้อยก็มีแหล่งน้ำขนมครกที่พระองค์ท่านแนะนำให้ทำเก็บน้ำไว้ใช้ จะเลี้ยงปลาเทราท์ได้ น้ำที่เลี้ยงก็ต้องมาจากน้ำตก น้ำต้องเย็น และเป็นน้ำไหลทั้งปี โครงการหลวงเป็นโครงการวิจัยงานด้านการเกษตรที่ไม่ธรรมดาเลย เหมือนที่อาจารย์ท่านหนึ่งเล่าว่า “กว่าเราจะรู้ว่าสตรอว์เบอร์รี่ชอบอะไรจริงๆ ใช้เวลาทั้งหมด 20 ปี และพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าฝนตกดูแลไม่ดีก็เน่าได้ทั้งต้น”








ความลึกซึ้ง และองค์ความรู้ที่ได้มาจากประสบการณ์ และจากสิ่งที่พระองค์ท่านสอนจึงมีอยู่เต็มแน่นในงานทุกงานของโครงการหลวง ถ้าได้มีเวลาขึ้นไปบนดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ แล้วได้ไปเดินเล่นดูผลผลิตจากโครงการหลวงกันด้วยตา ได้พูดคุยกับอาจารย์ทุกท่านที่ลงสวนเอง เลี้ยงสัตว์เองกับมือ ถึงจะเข้าใจว่าแต่ละเม็ดข้าวมีค่ามาก อะโวคาโดแต่ละลูกต้องผ่านอะไรมาบ้าง เห็ดปุยฝ้ายกว่าจะงอกออกมาได้หนึ่งดอก ต้องใช้เวลา 20 วัน และไข่ปลาสเตอร์เจียนที่ราคาแพงลิบ ต้องรอให้ปลาโต 7 ปี ถึงจะรีดไข่ออกมาได้  เราจะเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาพืชผล และเราจะรู้ชัดไปถึงหัวใจเลยว่ากว่าจะได้องค์ความรู้เช่นนี้มา เป็นเรื่องยากมาก และนั่นคือสิ่งที่เราชาวไทย ภูมิใจเหลือเกินกับงานของมูลนิธิโครงการหลวง พูดได้เต็มปากว่าโครงการหลวงมีผลผลิตทางการเกษตรแบบอินทรีย์ ไม่มีสารเคมี มอบให้แก่ชาวไทย

สยามพารากอนจึงมีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานโครงการหลวง ได้ร่วมนำทุกผลผลิต และความเป็นซูเปอร์ฟู้ดมาให้ชาวไทยได้ลิ้มลองกันจริงๆ

 

10 ซูเปอร์ฟู้ดที่เราจะได้พบกันในงานอย่างแน่นอนก็คือ…

ข้าวกล้องดอย: เป็นพันธุ์ข้าวท้องถิ่นของชนเผ่าพื้นที่สูง ไม่มีสารเคมีใดๆ ในทุกขั้นตอน มีข้าวสองสายพันธุ์ แนะนำว่าต้องลองซื้อไปหุงจริงๆ คือข้าวกล้องเหลือง เป็นพันธุ์ข้าวจากชนเผ่าปกาเกอะญอ ข้าวนี้ล่ะที่เชฟโอ๊ะจาก Another Hound Café นำมาหุง แล้วคลุกกับควินัว ทานกับปลาเทราท์ ข้าวเนื้อนุ่ม เหนียว คล้ายๆ ข้าวญี่ปุ่นบวกกับลูกเดือย อร่อยมากๆ ถึงขั้นต้องเติมกันหลายจานเลย และเป็นข้าวที่คุณจะต้องไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนแน่นอน อีกพันธุ์หนึ่งคือ ข้าวกล้องไก่ป่า จะมีสารแกมม่า โอไรซานอล ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ลดคอเรสเตอรอล ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีโพแทสเซียม ช่วยคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย และมีธาตุเหล็ก




ควินัว: เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่กำลังดังที่สุดในโลกอยู่ก็ว่าได้ ควินัวทั้งอร่อย และมีประโยชน์กับร่างกายสูงมาก คือมีสารอาหารที่สำคัญ มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายครบ 10 ชนิด เป็นโปรตีนทดแทนสำหรับคนที่แพ้โปรตีนจากสัตว์ ควินัวทั้งปลูกยาก และดูแลยาก แต่โครงการหลวงก็ทำสำเร็จ ควินัวเป็นพืชน้องใหม่มาแรงที่ทำรายได้ให้กับเกษตรกรดีมากๆ ใช้เวลาปลูกและเก็บได้ประมาณ 3 เดือน ควินัวยังเป็นหนึ่งในพืชที่เชฟดังๆ เลือกมาทำเป็นเมนูอร่อยๆ อีกมาก





เห็ดปุยฝ้าย และ เห็ดพอตโตเบลโล่: เป็นเห็ดสองชนิดที่อร่อยมากๆ เห็ดปุยฝ้ายจะเนื้อเหมือนเนื้อปู ถ้าเอาไปใส่ในน้ำพริก หรือไข่เจียว เหมือนไข่เจียวปูเลยทีเดียว มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า เห็ดยามาบูชิตาเกะ มีคุณค่ามากคือมีสารโพลีแซคคาไรด์ สามารถยับยั้งมะเร็งได้ และช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารด้วย เห็ดปุยฝ้ายต้องใช้เวลาเพาะกัน 2 เดือนครึ่ง แต่ละดอกใช้เวลา 20 วันกว่าจะออก ต้องประคบประหงมกันพอดูกว่าจะได้เห็ดดอกงามๆ ออกมากินได้ อีกเห็ดที่ถ้าเอามาผัดซีอิ๊ว อบชีส กลายเป็นอาหารจานเชฟได้เลย ก็คือเห็ดพอตโตเบลโล่ เรียกได้ว่าเป็นเห็ดที่ทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เป็นเห็ดที่ต้องเพาะในที่มืด ใช้ฟางข้าวและดินกลบหน้าเล็กน้อย ค่าพีเอชต้องสมดุล และผ่านการฆ่าเชื้อด้วย ถือว่าเพาะยากพอสมควร ทั้งเห็ดปุยฝ้าย และเห็ดพอตโตเบลโล่มีเพาะอยู่ที่ศูนย์พัฒนาการเกษตรโครงการหลวงขุนวาง







ผักและสมุนไพรต่างๆ: ที่ขึ้นชื่อมากก็คือมะเขือเทศเชอร์รี่ กะหล่ำปลีรูปหัวใจ คะน้าฮ่องกง บร็อคโคลี่ และยังมีอีกมากมายหลายชนิด ทั้งหมดคือโครงการหลวงจะเพาะต้นกล้าไว้ แล้วให้เกษตรกรนำไปลงแปลงต่อ ถ้าปลูกดีๆ ก็สร้างรายได้แต่ละเดือนให้มากอยู่ อยู่ได้อย่างสบายๆ แน่นอน และทุกผักมีความเป็นซูเปอร์ฟู้ดกันเต็มๆ อย่างมะเขือเทศเชอร์รี่ ลูกเล็กก็จริงแต่มีไลโคปิน ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี ใครอยากผิวสวยจะทานมะเขือเทศแบบนี้เปล่าๆ กันทุกวัน และยังช่วยเรื่องขับถ่าย ป้องกันต้อกระจก ป้องกันผิวเกรียมแดดด้วย









ลูกฟิก: หรือลูกมะเดื่อที่เอามาทำขนม เอามาเชื่อมกันนี่ล่ะ เป็นผลไม้ที่หอม หวาน ยิ่งถ้าเป็นลูกฟิกอบแห้งด้วยแล้ว จะอร่อยมาก ลูกฟิกของโครงการหลวงอร่อยไม้แพ้ลูกฟิกที่ไหน จะมีแคลเซียมสูงกว่าปลา 2 เท่า ให้พลังงานสูง และไม่มีไขมันและคอเรสเตอรอล ไร่ลูกฟิกจะอยู่ที่เกษตรหลวงปางดะ เชียงใหม่ ทำเป็นโรงเรือนกว้างใหญ่เหมือนสวนฟิก ฟิกที่นี่ทำการศึกษากันมายี่สิบกว่าปีแล้ว มุ่งเน้นให้เป็นผลไม้ที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย ฟิกออกลูกปีละ 1-2 ครั้ง และฟิกในความรู้สึกของคนอีกอย่างคือ จะมาพร้อมงานเฉลิมฉลอง อย่างงานคริสต์มาสยังไงก็ต้องมีลูกฟิก





อะโวคาโดพันธุ์แฮส: อีกไฮไลท์ของผลผลิตโครงการหลวงที่เราต้องทึ่งก็คือลูกอะโวคาโด โครงการหลวงปลูกอะโวคาโดพันธุ์แฮสได้ ถือว่าเป็นพันธุ์ที่ให้เนื้อแน่น อร่อย และมีคุณค่ากับร่างกายสูง จะไม่มีไขมัน และตอนปลูกก็ไม่ใช้สารเคมีใดๆ เลย อะโวคาโดช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยเรื่องความดัน ช่วยโรคหัวใจ บำรุงผิว เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่ดังตลอดกาล ถือว่าเป็นงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นของโครงการหลวง ที่ได้ค้นคว้าจนชาวไทยเรามีอะโวคาโดทานกันได้ตลอด




เคป กูสเบอร์รี่: ผลไม้สีเหลืองที่มีใบมาห่อๆ ตัวให้รสเหมือนมะเขือเปรี้ยวอมหวาน ก็คือเคป กูสเบอร์รี่นี่ล่ะ ที่โครงการหลวงให้ลูกเปล่งเหมือนลูกเคป กูสเบอร์รี่ในประเทศอื่นๆ รสชาติเข้มข้น ให้วิตามินซีสูงมาก และยังช่วยเรื่องภูมิแพ้ บำรุงสายตา มีสารแคโรทีนอยด์ ช่วยป้องกันมะเร็ง และโรคหัวใจอีกด้วย เป็นผลไม้น่ารักๆ ให้เราค่อยๆ บรรจงแกะเปลือกหุ้มออกก่อนทาน จะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กทุกครั้งที่ได้ทานเคป กูสเบอร์รี่ และยังมีเบอร์รี่อื่นๆ ที่อร่อย จุยซี่ที่สุด เป็นอินสไปร์ให้เชฟนนท์ จากร้าน Brix and Dessert Bar เอามาโรยบนมิราเคิล แพนเค้ก ขนมชื่อดังของร้านบริกซ์ ตอนเชฟยกขนมมาให้ชิมต้องบอกเลยว่า เบอร์รี่ทั้งหมดขับเนื้อแพนเค้กนุ่มๆ ให้อร่อยติดลิ้น ติดใจกันไปนานทีเดียว


ปลาเรนโบว์ เทราท์ และ ปลาสเตอร์เจียน: เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของไทยเรา ที่โครงการหลวงสามารถเลี้ยงปลาทั้งสองชนิดนี้ได้ เพราะรู้กันว่าการเลี้ยงปลาในพื้นที่ราบสูงไม่ง่ายเลย กฎเหล็กของปลาสองชนิดนี้คือ น้ำที่เลี้ยงต้องเย็น นิ่งและไหลผ่านตลอดปี โครงการหลวง ดอยอินทนนท์ได้น้ำจากน้ำตกสิริภูมิที่เรามองเห็นบนเขาลิบๆ ไหลมารวมกัน กลายเป็นแหล่งเลี้ยงปลาทั้งสองชนิดนี้ เชฟโอ๊ะจากร้าน Another Hound Café นำปลาเทราท์มาเซียร์ และทำซอสน้ำปลาหวานราดทานกับปลา และข้าวกล้องเหลืองกับควินัว แซมด้วยผักร็อคเก็ต เหมือนน้ำปลาหวาน ปลาดุก สะเดา อร่อยถึงรส และเนื้อปลาสด นุ่ม แน่น ปลาเทราท์จะเหมือนปลาซาลมอนแต่เนื้อแน่นกว่านั่นเอง ส่วนปลาสเตอร์เจียนเป็นปลาที่นิยมนำมารีดไข่ทำไข่ปลาคาเวียร์ ขายได้กิโลกรัมละ 5,000 บาท และถ้ามาทำเป็นปลาสเตอร์เจียนรมควัน ก็นิยมกันมากเช่นกัน และคุณจะได้ซื้อปลาเรนโบว์ เทราท์นี้กันที่งาน Royal Project Gastronomy Festival at Siam Paragon ที่ลานพาร์ค พารากอนกันอย่างแน่นอน





ไก่เบรส: ไม่มีทางที่ใครจะเลี้ยงไก่เบรสกันได้ง่ายๆ มีที่เดียวคือที่โครงการหลวง เพราะเป็นพันธุ์ไก่ที่ประเทศฝรั่งเศสหวงมาก ได้มอบให้กับโครงการหลวงเท่านั้น และโครงการหลวงก็ได้วิจัย และเพาะพันธุ์เรื่อยมา ไก่เบรสจะเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสด้วยสีของไก่ที่มีสีน้ำเงินที่ขา สีแดงที่เนื้อ และสีขาวที่ตัว จะให้เนื้อที่แน่น หอม ทำอะไรทานก็อร่อย จริงๆ ยังมีอีกไก่ที่หายากมากและโครงการหลวงเลี้ยงก็คือ ไก่ฟ้าคอแหวน จะเป็นที่ต้องการของเชฟ และโรงแรมชั้นนำมากมาย คือจะเป็นไก่ที่มีไขมันแทรกน้อย ให้เนื้อแน่น รสชาติอร่อยล้ำ



น้ำผึ้งดอกกาแฟ: เป็นน้ำผึ้งบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ตัวผึ้งจะเลี้ยงในไร่กาแฟ ก็เลยมีรสชาติหอม หวาน ขมนิดๆ ถือเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย บำรุงหัวใจ หลับสบายด้วย น้ำผึ้งนี้เชฟนนท์ จากร้าน Brix and Dessert Bar นำมาเคี่ยวกับน้ำตาลทรายได้เป็นฮันนี่โคมบ์กรอบๆ หอมน้ำผึ้ง เชฟนนท์ปักไว้บนมิราเคิล แพนเค้กนุ่มๆ อร่อยมากๆ





ชาเขียวอัสสัม: มีเมนูหนึ่งที่อร่อยมากๆ จากชาเขียว ที่ไม่เคยไปทานที่ไหนก็คือ ข้าวดอยผัดชาเขียว ร้านอาหารในโครงการหลวงขุนวางมีเมนูนี้ เป็นชาเขียวที่มาจากชาป่าอายุ 100 ปีขึ้นไป ความหอมของชาจะละมุนๆ ดื่มแล้วผ่อนคลาย หลับสบาย แก้เครียดด้วย



เฮลธ์ตี้ สแน็ค: เป็นความอินเทรนด์ของโครงการหลวงที่นำธัญพืชต่างๆ ผลไม้อบแห้งต่างๆ ทั้งสตรอว์เบอร์รี่ กล้วย สับปะรด แป้งโฮลวีท ข้าวดอยซ้อมมือ เมล็ดฟักทอง และน้ำเสาวรสเข้มข้น มามิกซ์กันทำมาเป็นเฮลธ์ตี้ บาร์ ทานเพิ่มพลังงาน เหมาะกับคนที่ออกกำลังกาย และคุมน้ำหนัก อร่อย หอม เคี้ยวเพลินมาก






อยากชวนชาวไทยทุกคนได้มาลองผลิตผลสดๆ ดีๆ เต็มไปด้วยประโยชน์จากโครงการหลวงทั้งหมดนี้กัน ตรงมาจากดอยสดๆ จริงๆ อย่าพลาดอะโวคาโดพันธุ์แฮส ปลาเทราท์ และเคป กูสเบอร์รี่กันเลยนะ แล้วพบกับ...

“10 ซูเปอร์ฟู้ด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเขา เพื่อสุขภาพที่ดีของชาวเรา” กันได้ในงาน Royal Project Gastronomy Festival at Siam Paragon” ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน จนถึง 7 ธันวาคม 2561 นี้ และพบกับเมนูสุดพิเศษจากร้านอาหารชั้นนำในโซนกูร์เมต์ การ์เด้นกันได้อีกมากมายหลายเมนู จนถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2561 นี้อีกด้วย